ที่มาของข้อมูล

วิเวศ วัฒนสุข. 2549. 8 ทศวรรษดอกเอื้องเวียงพิงค์สายสัมพันธ์แห่งอารยธรรม.กรุงเทพฯ : ม.ป.พ.

 

ปวีณา แสงศิริ นางสาวเชียงใหม่ ปี ๒๕๑๙

 

      
การประกวดนางสาวเชียงใหม่และนางสาวถิ่นไทยงามได้รื้นฟื้นการจัดประกวดขึ้นอีกครั้งในปี 2519 และเป็นส่วนหนึ่งของงานฤดูนาวประจำจังหวัดเชียงใหม่เช่นครั้งอดีต จึงทำให้มีผู้สนใจ เข้าประกวดอย่างคับคั่งและนางงามจากหลายอำเภอเข้าประชันโฉมเพื่อชิงมงกุฎและถ้วยรางวัลจากรองนายกรัฐมนตรีพลตรีประมาณ อดิเรกสาร (ตำแหน่งในขณะนั้น)สิ่งหนึ่งที่มีการเปลี่ยน แปลงจากเดิมคือชุดของสาวงามที่ใส่ประกวดบนเวทีได้แก่ชุดไทยจิตรลดา เนื่องจากในยุคนั้นกระแสการประกวดนางงามที่สวมใส่ชุดว่ายน้ำยังไม่เป็นที่ยอมรับนักเพราะยังมีกระแสต่อต้าน ประปรายในส่วนของกำหนดการประกวดในวันที่ 6 มกราคม เป็นวันตัดสินการประกวดนางสาวถิ่นไทยงามซึ่งสาวงามผู้ชนะใจกรรมการคว้าตำแหน่งไปได้แก่ นางสาว ทรายทอง อะกะเรือน สาวงามจากจังหวัดลำพูน และในค่ำคืนวันที่ 7 มกราคมเป็นการประกวดนางสาวเชียงใหม่ในรอบตัดสินผลปรากฏว่านางสาวปวีณา แสงศิริได้รับการตัดสินให้ครองตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ 2519 และนอกจากนี้เธอยังได้รับตำแหน่งขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชนไปครองก่อนการประกาศผลไม่นานส่วนรองนางสาวเชียงใหม่ 4 ตำแหน่งได้แก่ นางสาว ศิริอร อินทะปา เป็นรองอันดับที่ 1 นางสาว นฤมล สุภานันท์ เป็นรองอันดับที่ 2 นางสาว นันทวรรณ ณ เวียงพิงค์ เป็นรองอันดับที่ 3 และนางสาว วนิดา สุริยะธง เป็นรองนางสาวเชียงใหม่อันดับที่ 4
 
             
    ปวีณา แสงศิริ นางสาวเชียงใหม่ 2519 นามเดิมคือสายสุนีย์ อุนจะนำ เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวน 4 คนของนายสุพรรณและนาง จันตา อุณจะนำ 
มีชื่อเล่นว่า “ กระแต ” เกิดที่อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูนก่อนตามคุณพ่อไปอยู่ที่อำเภอฝางเธอผ่านเวทีประกวดมาหลายเวทีและคว้ามาหลายตำแหน่ง
ไม่ว่าจะเป็นขวัญใจปงตำ รองนางงามสงกรานต์เชียงใหม่และขวัญใจลำไยบอลล์ โดยเป็นสาวงามในสังกัดร้านศิริวัฒนา ที่มีสบสุข เจือศรีกุลเป็นเจ้าของ
ปัจจุบันคุณปวีณาได้ละจากทางโลกและบวชเป็นแม่ขาวอยู่ ณ ถ้ำมินตรา จังหวัดลำพูนโดยท่านได้อยู่อย่างสงบท่ามกลางธรรมชาติและค่อยช่วยรักษาผู้คน
“ ที่แม่ได้เข้ามาบวชเป็นแม่ขาวเพราะว่าเบื่อหน่ายที่จะใช้ชีวิตในแบบเดิม ๆ และอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นและไม่เบียดเบียนผู้อื่นค่ะ
 ...ก่อนบวชได้เป็นฆราวาส 9 ปี ซึ่งเพียงแต่นุ่งขาวห่มขาวไม่ได้โกนผม ต่อมาจึงได้บวชเป็นแม่ขาวมาแล้ว 3 ปี ตัวแม่เองตัดสินใจบวชโดยไม่ได้โกนผมนะค่ะ 
แต่ใช้วิธีดึงทีละเส้นเพื่อเราจะได้สำนึกถึงความเจ็บปวดและพร้อมที่จะเข้าสูทางธรรมค่ะหลังบวชได้ใช้ชีวิตรักษาผู้คนที่ป่วยด้วยยาจีนและยาสมุนไพรของไทย
ควบคู่กันไป โดยที่ไม่ได้คิดเงินเขาค่ะ ที่ไม่รับเงินรักษาเพราะเรามีเจตนาที่ต้องการช่วยเหลือคน โดยเฉพาะชาวบ้านที่เขาไม่มีเงิน ” 
      และในอดีตท่านเองเคยเป็นนางสาวเชียงใหม่มาก่อนและได้ใช้ชีวิตในทางโลกมามากมายเลยขออุทิศชีวิตที่เหลือเป็นแม่ขาวปฏิบัติธรรมและช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บป่วยทำตนให้เป็น
ประโยชน์และตอบแทนคุณแผ่นดิน สร้างคุณงามความดีและท่านยังได้กรุณาในการเล่าถึงอดีต เมื่อครั้งยังเป็นนางสาว ปวีณา แสงศิริ “ สมัยเมื่อแม่เป็นนางสาวเชียงใหม่ปี 2529 ทางร้าน
ศิริวัฒนาเป็นผู้ส่งเข้าประกวดก่อนหน้านั้นแม่เป็นนางงามที่ล่าเวทีมาหลายเวทีค่ะ อาจเป็นเพราะสมัยเด็ก ๆ ได้เคยลองเล่นเป็นนางงาม โดยการนำรองเท้าส้นสูงของพี่สาวมาสวมเล่นแล้ว
เอาขันวางบนหัวแล้วก็หัดเดินแบบนางงาม ด้วยเหตุนี้เองที่เราชอบพอโตมาก็เลยได้ไปเข้าประกวดไม่ว่าจะซ้อมเดินหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ยังอดทนซ้อมเพราะคิดว่าตัวเองไม่สวย แต่เราม
ีความตั้งใจและความพยายาม ”และด้วยเพราะคุณแม่ของแม่ขาวปวีณาได้ชื่นชอบที่จะให้ลูกสาวได้ไปประกวดในเวทีนางงามต่าง ๆ จึงได้รับการสนับสนุนที่ดีจากผู้เป็นมารดา“ โดยตอนแรก
ได้เข้าประกวดในระดับเล็ก ๆ ของตำบลและอำเภอก่อน จากนั้นก็ได้เข้าประกวดงานลำไยบอลล์ รางวัลสมัยนั้นลำไยบอลล์เริ่มมีการให้แหวนเพชรเม็ดเล็ก ๆ แล้วนะพอได้ตำแหน่งธิดาลำไย
บอลล์มาหลังจากนั้นคุณชายอินธินันท์ อาภากร เป็นคนส่งแม่เข้าประกวดนางสาวเชียงใหม่ในสมัยนั้น โดยส่งประกวดในนามของหมู่บ้านแดนตะวันเหนือและชื่อในการประกวดนางสาวเชียงใหม่
่ในตอนนั้นก็คือชื่อปวีณา แสงศิริ ซึ่งชื่อและนามสุกลก็แต่งขึ้นมาจากคำว่า ศิริวัฒนาให้คล้องจองกับชื่อร้านส่วนชื่อเดิมของแม่คือชื่อสายสุนีย์ อุนจะนำ ค่ะ ”หลังจากได้รับตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่
นางสาวปวีณาได้ไปปฏิบัติหน้าที่ในการเป็นนางสาวเชียงใหม่มากมายและในขณะนั้นก็ยังทำงานให้กับทางร้านศิริวัฒนาควบคู่ไปด้วย 
  ร้านศิริวัฒนาที่เป็นผู้ส่งเราเข้าประกวดเป็นร้านเสริมสวยเราก็มีหน้าที่ภายในร้านคือจะ สระผมให้ลูกค้าที่มาเข้ามาทำผมจำได้ว่าสระจนมือเป็นแผลจำได้ว่าพอออกงานในฐานะนางสาวเชียงใหม่
มีอยู่งานนึงที่ต้องร่วมรับประทานอาหารกับผู้ใหญ่ด้วยความอายที่มือเป็นแผลทุกนิ้วเลยได้แต่ซุกมือไว้ที่หน้าตักค่ะ (ยิ้ม) หลังจากนั้นจึงได้ขอลาออกมาเรียนต่อทางร้านก็อนุญาตให้ไปเรียนและ
ก็ยังได้ไปเดินแบบหารายได้เพิ่มเพราะต้องเราต้องส่งเสียเงินให้กับทางบ้าน จากนั้นก็เข้ากรุงเทพฯ ไประยะหนึ่งได้เงินมาจำนวนหนึ่งจึงกลับมาเปิดโรงเรียนสอนเสริมสวยปวีณาขึ้นที่เชียงใหม
่ตอนนั้นที่ทำธุรกิจอายุได้ 22 ปี ค่ะ ปัจจุบันคุณแม่ปวีณามีบุตรสาว 1 คน ขณะนี้อายุ 24 ปี ใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนคุณแม่ปวีณาแม้ได้บวชเป็นแม่ขาวอยู่ที่ถ้ำจังหวัดลำพูนแต่ก็ไปมาหา
ู่กันตามปกติ แสงสีจากทางโลกได้เพียงพอแล้วกับแม่ขาวปวีณาขณะนี้ท่านได้เข้าสู่ทางธรรมและอุทิศตนเพื่อมวลชนซึ่งน้อยคนนักที่จะสามารถทำอย่างท่านได้