ที่มาของข้อมูล
วิเวศ วัฒนสุข. 2549. 8 ทศวรรษดอกเอื้องเวียงพิงค์สายสัมพันธ์แห่งอารยธรรม.กรุงเทพฯ : ม.ป.พ.
จารุณี ชัยมงคล นางสาวเชียงใหม่ ปี ๒๕๑๔ |
ข่าวการประกวดนางสาวไทย 2513 ในช่วงปลายปีได้มีงดการประกวด เนื่องจากมีกระแสการต่อต้านการประกวดนางงามในกรุงเทพจากสื่อมวลชนและกลุ่มนักศึกษา ส่งผลการประกวด
นางสาวถิ่นไทยงามได้งดการประกวดในต้นปี 2514 เหลือแต่เพียงการประกวดนางสาวเชียงใหม่ ในชื่อของการประกวดยอดพธูแผ่นดินทอง และไม่มีการสวมชุดอาบน้ำรับมงกุฎดังแต่ก่อนและ
เปลี่ยนเป็นชุดไทยเสื้อแขนกระบอกนุ่งถุงตีนจกแทน และสาวงามผู้คว้าตำแหน่งชนะเลิศในการประกวดรอบสุดท้ายได้แก่ นางสาวจารุณี ชัยมงคล สาวงามเชียงใหม่ผู้มีอายุเพียง 17 ปี
จากท้องทุ่งดอยสะเก็ดครองมงกุฎยอดพธูแผ่นดินทอง โดยมีรองนางงามอีก 9 คน ที่มีชื่อเรียกตามตำแหน่งดังนี้ นางสาว ราณี เรืองศิริ ได้ตำแหน่ง พักตร์พริ้งเพรา นางสาว อรอนงค์ โสภาศิริ
ได้ตำแหน่ง นางสาว สาวิกา ชินวัตร (หรือนางเยาวเรศ ชินวัตร ในปัจจุบัน) ได้ตำแหน่ง เรียวระหง นางสาว พวงเพชร แก้วมาพันธ์ ได้ตำแหน่งผุดผ่องโฉม นางสาวกัลยา โสภาวรรณได้ตำแหน่ง
งามเนตรนุช นางสาว เบญจมาศ ชัยรังสี ได้ตำแหน่ง มนัสจรรยา นางสาว พรรณี อารียันธ์ ได้ตำแหน่งโฉมลีลา นางสาว อุมาพร คำลือ ได้ตำแหน่งอาสาคม และ นางสาว อุไรวรรณ คำกันสิงห์
ได้ตำแหน่งชมชื่นพักตร์ นับเป็นการประกวดที่มีตำแหน่งมากที่สุดของการประกวดในงานฤดูหนาวเชียงใหม่เท่าที่ปรากฏมา
|
|
จารุณี ชัยมงคล เป็นคนดอยสะเก็ดโดยกำเนิดมีผู้แนะนำให้เข้าสู่วงการการประกวดนางงามคือนายเวทย์ คำกัมพล ครูใหญ่โรงเรียน บ้านแม่ดอกแดงและคุณครูอัมพร ฟองตระกูล ได้ทาบทามคุณจารุณีจากผู้ปกครองในการไปช่วยประกวดนางงามประจำอำเภอ โดยส่วนรวมแล้วเห็นว่าเป็นการทำประโยชน์ให้กับทางอำเภอก็เลยได้ตัดสินใจไปประกวดนางงามประจำอำเภอค่ะ ซึ่งใช้ชื่อว่า เทพีฤดูร้อน มีครูพี่เลี้ยงเป็นคนดูแลทั้งเรื่องกิริยามารยาทการเดินทุกอย่างและก็ได้ตำแหน่งมา ...พอต้นปีมีคนเห็นว่าได้ผ่านการประกวดนางงามของอำเภอตรงนี้มาก็เลยชักชวนให้เข้ามาประกวดนางสาวเชียงใหม่ก็ได้มาอยู่ที่ร้าน ศิริวัฒนาเป็นผู้ดูแลและส่งเข้าประกวด เมื่อปลายฤดูหนาวต้นปี 2414 ซึ่งชื่อที่ใช้ในการจัดงานในครั้งนั้นคือ ยอดพธูแผ่นดินทอง ซึ่งได้จัด ประกวดในงานฤดูหนาวด้วย ที่เปลี่ยนชื่อจากนางสาวเชียงใหม่มาคงเป็นเพราะว่าเปลี่ยนบริษัทใหม่ที่จัดการประกวด แต่ก็จำไม่ได้เหมือนกัน ว่าเป็นบริษัทชื่อว่าอะไร เพราะก่อนหน้านั้นจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้จัดการประกวดแต่เพียงผู้เดียวเสมอ เนื่องจากคุณจารุณีเป็นคนตั้งใจจริง และอยู่ในโอวาทของผู้ใหญ่ในการประกวดครั้งนั้นเธอจึงไม่ตื่นเต้นนักเนื่องจากมีการเตรียมตัวที่ดี |
ในช่วงการประกวดนั้นก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมายค่ะ เพราะเรามีสติและระมัดระวังในการเดินทุกอย่างและครูพี่เลี้ยงก็ลำบากที่ได้สั่งสอนเรามาก็เลยคิดตรงนี้แล้วก็เลยทำให้ดีที่สุดบนเวที จำได้ว่าคำถามในปีนั้นคือจะถามว่า ถ้าคุณได้ตำแหน่งนางสาวยอดพธูแผ่นดินทอง คุณจะมีเป้าหมายว่าอย่างประประมาณนี้ค่ะ เราก็ตอบว่าถ้าทางหน่วยงามราชการให้ไปออกงานไหนก็จะไป และถ้าไม่ว่าจะเป็นงานต้อนรับแขกเมืองก็จะทำเพื่อเป็นการทำคุณประโยชน์ให้กับส่วนรวม ขณะประกวดคุณจารุณี ได้ใส่ชุดว่ายน้ำที่เป็นกระโปรงสั้นแบบโบราณ เป็นผ้าไหมสีชมพู ส่วนในวันตัดสินก็จะเดินโชว์ในชุดราตรีก่อนและพอช่วงการประกาศผลการตัดสินก็จะเปลี่ยนชุดไทย ในขณะรับตำแหน่ง จำได้ว่าชุดที่ใส่เป็นชุดไทยสีตองอ่อนและผ้าถุงก็จะเป็นสีเดียวกันค่ะจะมีลายตรงชายเป็นตีนจก หลังจากได้รับตำแหน่งแล้วภารกิจที่ได้ปฏิบัติในช่วงนั้นคือช่วงของผู้ว่าอาสา เนตรสวรรค์ ช่วงนั้นทางจังหวัดมีหนังสือมาขอความร่วมมือจากเรา เช่นไปต้อนรับแขกบ้าน แขกเมือง เช่นที่น้ำตกแม่สาที่ปางช้างไปต้อนรับนักท่องเที่ยวและแขกของทางจังหวัดงาน ขันโตก เดินแบบ เป็นต้นค่ะ หลังจากนั้นนาง สบสุข เจือศรีกุล เจ้าของร้านศิริวัฒนาได้ชักชวนให้คุณจารุณี เข้าประกวดนางสาวไทยซึ่งมีการจัดในช่วงปลายปี 2514 หลังจากว่างเว้นการประกวดมา 1 ปี จากนั้นในเดือน เมษายน 2518 คุณจารุณีได้เข้าพิธีสมรสและปัจจุบันมีบุตร 4 คน คนแรกเป็นผู้ชายค่ะจบปริญญาโทแล้ว ตอนนี้ทำงานอยู่ตลาดหลักทรัพย์ ส่วนคนรองเป็นผู้หญิงจบปริญญาตรี แล้วก็ไปทำงาน เป็นแอร์โฮสเตสประมาณ 3 ปีแล้ว คนที่ 3 นี่เป็นผู้ชายตอนนี้ยังเรียนมหาลัยอยู่ ก่อนหน้านั้นเค้าเคยไปเป็นดาราเป็นตัวประกอบอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ตอนนี้กลับมาอยู่เชียงใหม่และกำลังเรียนต่อ ส่วนคนเล็กตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้น ม. 2 โรงเรียนมงฟอร์ต เชียงใหม่และปัจจุบันก็เป็นแม่บ้านคอยดูแลลูก ๆ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีค่ะ.และความรู้สึกที่ได้เคยเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ตำนานนางสาวเชียงใหม่ก็มีความรู้สึกดีใจและตอนนั้นเราเป็นนางสาวเชียงใหม่สมัยปี 2514 แล้วมานึกถึงปัจจุบันนี้ภาพลักษณ์และอะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่ดี ๆ งาม ๆ ก็เก็บเอาไว้ ้เป็นความทรงจำและเป็นแบบอย่างที่ดี อยากให้นางสาวเชียงใหม่รุ่นหลัง ๆ ไม่ควรนุ่งน้อยห่มน้อยเพราะอย่างน้อยเราก็เป็นกุลสตรีอยากฝากข้อคิดข้อนี้ให้น้องรุ่นหลังด้วยค่ะ |