ปี 2507 การประกวดสาวงามซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ควบคู่กับงานฤดูหนาวมาโดยตลอดในนามนางสาวเชียงใหม่ได้เปลี่ยนชื่อการประกวดมาเป็น “ การประกวดการแต่งกายสตรีถิ่นไทยงาม 
2507 ดังเช่นปีกลาย เพื่อความสอดคล้องกับกระแสการประกวดในยุคนั้นที่นิยมเปลี่ยนชื่อการประกวดนางสาวประจำจังหวัดต่าง ๆ มาเป็นการแต่งกายสตรีงาม ส่วนเวทีประกวดได้จัดขึ้นที่อาคาร
ยิมเนเชียมภายในบริเวณงานฤดูหนาวนั่นเองการประกวดการแต่งกายสตรีถิ่นไทยงามหรือนางสาวเชียงใหม่ 2507 ได้กำหนดการประกวดแบ่งเป็น 3 รอบในรอบแรกระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม2506 
กับคืนวันที่ 1-2 มกราคม 2507 รวม 3 วัน สาวงามจะเดินประกวดในชุดกีฬา โดยจะคัดไว้คืนละ 9 คน รอบที่สองวันที่ 3 มกราคม สาวงามผู้ผ่านเข้ารอบแรก 27 คน จะเดินประกวดในชุดอาบน้ำ 
ส่วนรอบชนะเลิศในคืนวันที่ 4 มกราคมนั้นจะประกวดในชุดอาบน้ำราตรีสั้นและแล้วการประกวดในรอบสุดท้ายก็มาถึงในเวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษของคืนวันที่ 4 มกราคม สาวงามผู้ผ่านเข้ารอบ
รองชนะเลิศรวม 20 คน ได้เดินออกมาอวดโฉมในชุดชายหาดหรือชุดอาบน้ำ ความงามของแต่ละนวลนางต่างสร้างความหนักใจให้กับคณะกรรมการเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดการตัดสินของรอบแรก
ในค่ำคืนนี้ได้ประกาศผู้เข้ารอบ 10 คน สุดท้ายในเวลาประมาณ 5 ทุ่มเศษ

       ต่อมาเมื่อเวลาตีหนึ่งเศษลุล่วงวันใหม่เสียงปรบมือเกรียวกราวเพื่อต้อนรับ 5 สาวงามผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายที่ได้เดินให้คณะกรรมการพิจารณาในรอบ
สุดท้ายก่อนตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะเลิศท่ามกลางผู้ชมร่วมหมื่นคนจากนั้นนาย ปรีดา พัฒนถาบุตร รองประธานกองการประกวดการแต่งกายสตรีถิ่นไทยงาม
ได้ขึ้นไปประกาศผลการตัดสินผู้ชนะเลิศได้แก่ น.ส. ประภัสสร ไชยยศ สาวงามหมายเลข 33 โดยมี น.ส. ละอองดาว กิริยา น.ส. พรเพ็ญ กิติศักดิ์ น.ส.เรวดี ศิริวรรณา
และ น.ส. จันทรา แสนพินาการ เป็นรองชนะเลิศ หลังจากนั้น นาง พูนสมัย ชัยนาม ได้เป็นผู้สวมงกุฎสายสะพายเสื้อคลุมและมอบเงินสดมูลค่า 5,000 บาท 
ได้แก่ น.ส. ประภัสสร ไชยยศ ผู้ชนะเลิศการประกวดแต่งกายสตรีถิ่นไทยงามหรือนางสาวเชียงใหม่ 2507 โดยมี นาย สาย นิธินันท์ ผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
เป็นผู้มอบขันเงินและถ้วยรางวัลแก่รองนางงามทุกคน ประกัสสร ไชยยศ เป็นสาวงามจากอำเภอสันป่าตอง ขณะได้รับตำแหน่งอายุ 18 ปี เป็นเจ้าของสัดส่วน 
26-22-36 สูง 160 เซนติเมตร จบการศึกษาชั้น ม.1 บิดามารดาประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเธอเองมีอาชีพขายของหน้าร้านในจังหวัดเชียงใหม่โดยเธอ
ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในสมัยนั้นเป็นภาษาคำเมืองว่า “ หัวใจยังว่างเจ้า ” ส่วนผู้ที่ได้ตำแหน่งรองนางงามล้วนแล้วแต่มีตำแหน่งนางงามมาแล้วทั้งสิ้น
คือ น.ส. ละอองดาว กิริยา เป็นเทพีสงกรานต์เชียงใหม่ 2406 ส่วน น.ส. พรเพ็ญ กิติศักดิ์ น.ส.เรวดี ศิริวรรณาและ น.ส. จันทรา แสนพินาการ 
ต่างก็เป็นรองนางสาวลำพูน 2506 เช่นเดียวกัน