ที่มาของข้อมูล

วิเวศ วัฒนสุข. 2549. 8 ทศวรรษดอกเอื้องเวียงพิงค์สายสัมพันธ์แห่งอารยธรรม.กรุงเทพฯ : ม.ป.พ.

 

 

ศิรินารถ ขัดสงคราม นางสาวเชียงใหม่ ปี ๒๕๐๒

 

          


      การประกวดนางงามของจังหวัดเชียงใหม่ภายงานฤดูหนาวประจำ 2502 ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง โดยในปีนี้งดการประกวดนางสาวถิ่นไทยงาม ส่วนการประกวดนางสาวเชียงใหม่
่ได้ใช้ชื่อการประกวดว่า เทพีงานฤดูงานหนาวเช่นเดียวกันกับเมื่อปี 2500 โดยผู้มีความงามเป็นเลิศในปีนั้นได้แก่ ศิรินารถ ขัดสงครามแม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมาถึง 47 ปี แต่ความงามของ
สุภาพสตรีวัย 66 ผู้ครองตำแหน่งสูงสุดของการประกวดในค่ำคืนวันนั้นยังเค้าแห่งความงามเช่นเดิม “ การประกวดนางงามในปีที่ป้าประกวดจะแตกต่างจากปีก่อนทั้งชื่อและวิธีการประกวดค่ะ
สมัยนั้นจะเป็นนางงามประจำร้าน โดยผู้เข้าประกวดจะถูกคัดเลือกจากนางงามประจำร้าน โดยผู้เข้าประกวดจะถูดคัดเลือกจากนางงามร้านต่าง ๆ ที่มาออกงานแสดงในงานฤดูหนาวค่ะ ”
ในสมัยนั้นการออกร้านจะมีทั้งหน่วยงานราชการรัฐวิสาหกิจรวมถึงห้างร้านต่าง ๆ โดย แต่ละร้านต้องคัดเลือกสาวงามมาเป็นนางงามประจำร้านเพื่อขึ้นประกวดในคืนสุดท้าย 
 
      
         “ ป้าต้องไปงานทั้ง 7 วันค่ะไปเป็นนางงามประจำร้านของบริษัทเดินอากาศไทยสำหรับคะแนนการตัดสินจะมาจากประชาชนที่เข้าไปเที่ยวซื้อบัตร
ไปหย่อนที่กล่องหน้าร้านใครได้คะแนนมากสุดก็ชนะส่วนการประกวดบนเวทีจะมีประกวดกันในวันสุดท้ายของงานฤดูหนาวค่ะ ”แม้ว่าการประกวดในรอบ
สุดท้ายจะไม่มีการเดินในชุดอาบน้ำหรือชุดชายหาดเช่นปีก่อน ๆ แต่กรรมการได้เข้าไปตรวจดูความงามของสาวงามถึงหลังเวที “ หลังเวทีมีการตรวจดู
ความสมบูรณ์และเรียบร้อยของนางงามด้วยค่ะเขาจะมาจับมาดู ใกล้ ๆ เลย คงจะเป็นการเช็คในขั้นสุดท้ายของคณะกรรมการค่ะ ส่วนชุดที่ใส่ตอนนั้น
ผู้เข้าประกวดทุกคนจะใส่ชุดยาวเข้าประกวดค่ะ เป็นชุดราตรีไม่ได้ใส่ชุดอาบน้ำ ” “ สำหรับตำแหน่งมีที่หนึ่งคือป้าและมีรองนางงามอีก 2 คน รางวัลที่ได้มี
ีถ้วยรางวัลประจำตำแหน่งเป็นขันน้ำพานรอง ไม่มีมงกุฏ มีเงินรางวัลนิดหน่อยแล้วพวกเครื่องใช้ต่าง ๆ ค่ะ ”ในช่วงเวลาระทึกใจคุณศิรินารถไม่ตื่นเต้นมากนัก
เพราะพอทราบมาบ้างแล้วว่าโอกาสในการเป็นผู้ชนะมีค่อนข้างสูง
    “ เขาบอกคะแนนมาแล้วว่าเรานำรู้สึกพี่นวล (นวลสวาท ลังการ์พินธุ์ นางสาวถิ่นไทยงามและรองนางสาวไทย 2496) จะมากระซิบบอกเพราะเราคะแนนนำทุกคืนก็เลยไม่ตื่นเต้นนักค่ะ
เพราะพอรู้ว่าเราก็มีโอกาสเหมือนกัน (ยิ้ม) และหลังจากนั้นงานแรกก็ขึ้นไปแจกรางวัลที่เวทีชายงามค่ะพี่นวลสวาทเป็นคนพาไป ” ขณะได้รับตำแหน่งคุณศิรินารถมีอายุ 19 ปี เป็นชาว
อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน พี่น้อง 5 คน บิดามารดาเป็นเกษตร โดยมีร้านนันทขว้างซึ่งเป็นร้านขายผ้าไหมที่เธอทำงานอยู่เป็นผู้สนับสนุนในการประกวด และมีบริษัทเดินอากาศไทยเป็น
ผู้ส่งเข้าประกวดและคุณศิรินารถเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนวลสวาท ลังการ์พินธุ์ อดีตนางามคนดังแห่งภาคเหนือนั่นเอง“ ก่อนประกวดป้ามีเวลาเตรียมตัวไม่นานนักหลังได้รับตำแหน่งก็ไปโชว์ตัว
ที่บริษัทเดินอากาศไทยที่กรุงเทพค่ะมีพนักงานเขาเรียกร้องอยากเห็นเรา (ยิ้ม) มีทางร้านนันทขว้างคอยดูแลตลอด ส่วนงานการกุศลก็ไปออกเยอะค่ะ แต่เท่าที่จำได้คืองานสาบันธงของค่าย
กาวิละที่เชียงใหม่ค่ะ ไปขายลูกโป่งช่วยเขาภายในงานก็ไปได้ตำแหน่งแต่งชุดไทยงามอีกค่ะจากสตรีที่ไปร่วมงานทั้งหมด ได้ไปรับรางวัลด้วยเป็นเหรียญทองใส่กล่องหรืออย่างไรจำได้ไม่ถนัด 
พี่นวลสวาทพาขึ้นไปเจ้าจันทร์แก้ว ณ เชียงใหม่ เป็นผู้มอบรางวัลค่ะ หลังจากนั้นก็มีโอกาสไปเข้าเฝ้าต้อนรับ พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีขณะที่ท่านเสด็จประพาสเชียงใหม่ด้วยค่ะ รู้สึกปลาบปลื้ม
มากที่ได้เข้าเฝ้าชมพระบารมี ” 
      “ จากนั้นเคยไปประกวดนางงามหอการค้าไทยด้วยค่ะที่กรุงเทพ เบญจวรรณ บุญญามี ได้ที่หนึ่ง ป้าได้ที่ 2 ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจค่ะเพราะไปเที่ยวงานแล้วเขาจับขึ้นไปประกวดมีพ่อเลี้ยง 
พงษ์สวัสดิ์ สุริโยทัยเป็นผู้จัดงานได้ซ้อมเดินวันเดียวไปกับร้านนันทขว้างโดยใช้ชื่อประกวดว่า วิภารัตน์ กิติรัตน์ พวกที่ไปเชียร์มาเรียกชื่อศิรินาถ ๆ ชื่อเดิมเราใช่ไหมค่ะ แต่เราไม่ยอมหัน
อายเพราะเขาจำเราได้ ” (หัวเราะ)คุณศิรินารถกลับมาที่เชียงใหม่ได้ไม่นานก็ได้เดินทางไปกรุงเทพเพื่อศึกษาด้านเสริมสวย“ ไปเรียนเสริมสวยที่โรงเรียนแอนนาของอาจารย์อรุณี สามโกเศส 
ก่อนไปก็หมั้นก่อนกับพ่อเด็ก (ชาญชัย อาวิพันธุ์) ขณะนั้นมีร้านเสริมสวยทาบไปประกวดนางงานวชิราวุธ แต่อาจารย์อรุณีไม่ได้ให้ไปเพราะแฟนเคยขออาจารย์ไว้ว่าไม่ให้ไปประกวด  
พอเรียนจบก็มาเปิดร้านที่เชียงใหม่ ชื่อร้านสายรุ้งแถวท่าแพ ถนนสุริวงศ์แล้วกลับไปเปิดที่กรุงเทพ ชื่อร้านสายรุ้งเหมือนกันที่แถวโรงหนังบางกอกซอยรางน้ำทำกับพี่สาวเพราะพี่สาวไปเรียน
จบจากโรงเรียนเสริมสวยดาวรุ่งมา ทำร้านเหนื่อยมากค่ะแขกเข้าเยอะ แฟนเลยให้เลิกก็ไปเปิดร้านขายแก๊สกับเครื่องต้มน้ำแถวแยก อสมท. อยู่กรุงเทพเกือบ 30 ปี จึงกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่ค่ะ 
ครอบครัวก็มีลูกชาย 2 คน คนโตชื่อศิริชัย อาวิพันธุ์ อยู่กรุงเทพ ส่วนคนรองชื่อฉัตรชัย อาวิพันธ์ค่ะ ซึ่งตอนนี้ป้าก็อยู่คนเล็กที่แม่ริมนี่ค่ะ ”รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้เป็นแม่เมื่อกล่าวถึงบุตรชาย
อย่างชื่นชมแม้ว่าจะเป็นร้อยยิ้มเดียวกันกับเมื่อครั้งได้รับตำแหน่งนางงามแต่รอยยิ้มครั้งนั้นเป็นรอยยิ้มที่เกิดจากความภูมิใจและดีใจกับตำแหน่งอันมีเกียรติที่จะยังคงอยู่กับเธอตลอดไป "