ที่มาของข้อมูล

วิเวศ วัฒนสุข. 2549. 8 ทศวรรษดอกเอื้องเวียงพิงค์สายสัมพันธ์แห่งอารยธรรม.กรุงเทพฯ : ม.ป.พ.

 

    สำรวย อุดมศรี  นางสาวเชียงใหม่ ปี ๒๕๐๐

      “ สันกำแพงคว้าเทพีฤดูหนาวทั้งอันดับหนึ่งและรอง ๆ “ นี่คือข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยในวันพุธที่ 9 มกราคม 2500 เป็นการรายงานข่าวการประกวดยอดพธูของเวียงพิงค์ 
การประกวดนางสาวเชียงใหม่ ในปีนี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของงานรื่นเริงฤดูหนาวเช่นเคย ผิดจากปี ก่อน ๆ ในเรื่องของชื่อการจัดการประกวดเนื่องจากปี 2500 เป็นปีกึ่งพุทธกาลตามความเชื่อ
ของชาวพุทธ คณะกรรมการจัดการประกวดนางสาวเชียงใหม่จึงมีมติที่งดการประกวดในชุดอาบน้ำโดยสาวงามผู้เขาประกวดจะเดินโชว์โฉมกันในชุดไทย ห่มสไบ นุ่งผ้าถุงจีบหน้านางและ
เปลี่ยนชื่อการประกวดมาเป็นเทพีงานฤดูหนาว ตามความเหมาะสม ณ เวทีประกวด ซึ่งปีนี้จัดบนเวทีสถานีวิทยุ ว.สส 2 บริเวณสนามกีฬาเทศบาล อ.เมือง เชียงใหม่ ของค่ำคืน
วันที่ 6 มกราคม 2500 อันเป็นการประกวดในรอบสุดท้าย ท่ามกลางผู้เข้าชมการประกวดในคืนสุดท้ายหลายหมื่นคน เหล่าสาวงาม 18 นางสาวผู้เข้ารอบสุดท้ายต่างเยื้องกรายมาโชว์โฉม
ในชุดไทยหลากสีสันละลานตา หลังจากเดินประกวดกันจนครบทุกสาวงามแล้ว ขณะที่ผู้ชมต่างปรบมือและส่งเสียงเชียร์นางงามที่ตนชื่นชอบกันอย่างเอิกเกริก คณะกรรมการได้ตัดสิน
ให้สาวงามหมายเลข 2 นางสาว สำรวย อุดมศรี สาวงามจากร้านชินวัตร เป็นเทพีที่มีความงามเป็นเลิศของเมืองเชียงใหม่ โดยมีรองนางงามอีก 2 ตำแหน่งได้แก่ หมายเลย 23 
นางสาว อุไรรัตน์ พรหมชนะ สาวงามจากอำเภอสันกำแพงจากร้านพรหมชนะและนางสาว ไขแสง เดือนเพ็ญ ห้างเลี่ยงย่งง้วนส่งเข้าประกวด รั้งตำแหน่งรอง
      สำรวย อุดมศรีเป็นสาวงามสันกำแพงโดยกำเนิด ปัจจุบันหลังจากเธอมีครอบครัวและได้ตามสามีย้ายไปพำนักที่กรุงเทพมหานครโดยหลังจากสามี
เสียชีวิตเธอได้ย้ายกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดเธออีกครั้งและเธอได้เล่าย้อนอดีตไปเมื่อ 49 ปีที่แล้วให้เล่าฟังถึงบรรยากาศการประกวดในยุคนั้น“ ปีนั้นเขา
ใช้ชื่อว่าเทพีงานฤดูหนาวเชียงใหม่ปีนั้นเป็นปีกึงพุทธกาลพอดีเขาให้แต่งชุดไทยเขาไม่ให้แต่งตัวประเจิดประเจ้อ คือปี 2500 จำได้ว่าคนประกวดประมาณ 
40 คนเดินประกวดกันทั้งหมด 7 วัน ป้าก็เข้ารอบมาเรื่อย ๆ ตอนนั้นคนที่ 2 ได้ป่าซางชื่ออะไรจำชื่อไม่ได้ จำอีกคนหนึ่งได้อยู่สันกำแพงเหมือนกันที่เป็นภรรยา 
ดร.รวี ภาวิไล ชื่ออุไรวรรณ คำมลเทียร เป็นรองป้าเขาไปประกวดนางสาวถิ่นไทยงามก็ได้รองพร้อมกันอีกเขาได้รองที่ 2 ป้าได้รองที่หนึ่ง คุณอุไรวรรณ 
ร้านพรหมชนะส่งเข้าประกวด แต่คุณป้าชินวัตรส่งเข้าประกวดส่งในนามชินวัตรเลยปีถัดมา 2501 ที่ป้าได้ไปประกวดนางสาวถิ่นไทยงามจากสองงานก็ได
้ตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่และประกวดนางสาวถิ่นไทยงามอีกปีหนึ่งก็ได้รองอันดับหนึ่งค่ะ 
       ...การประกวดสมัยนั้นเขาตัดสินนางสาวเชียงใหม่ก่อนแล้วตัดสินนางสาวถิ่นไทยงามทีหลังในวันถัดไปในปี 2501 น้องสาวได้นางสาวเชียงใหม่ (สำราญ อุดมศรี) อุดมศรี ได้
นางสาวเชียงใหม่แล้ว อุดมศรีจะได้นางสาวถิ่นไทยงามอีกก็อาจดูไม่ดี น้องได้นางสาวเชียงใหม่และในปีถัดไปคุณป้าได้นางสาวถิ่นไทยงามเขาเลยปัดคุณป้าเป็นรองนามสกุลอุดมศรี
ีเขาไม่ให้ คงกลัวซ้อนกันก็เลยปัดคุณป้าไปเป็นรองซะในปีนั้น (2501) นางสาวถิ่นไทยงามได้แก่คุณ วนิดา ศรีวงศ์มูล จากร้านพรหมชนะค่ะ สมัยนั้นพรหมชนะกับชินวัตรเขาแข่งกัน
 เขาได้บ้างเราได้บ้าง (ยิ้ม) ....สมัยนั้นป้าเรียนทอผ้า ตอนนั้นอายุ 16-17 ปี หลังจากประกวดที่เชียงใหม่สองเวทีแล้วป้าได้ลงกรุงเทพมาประกวดนางงามที่สวนลุมค่ะ เป็นงานประกวด
มิส เอ ซี บอล หลังปีประกวดถิ่นไทยงามและได้เข้ารอบสุดท้ายสิบคน.. “ ก็รู้สึกดีใจไม่ต้องทอผ้า แต่อยู่ที่หน้าร้านชินวัตรมีคนมาดูมาถ่ายรูป ห้างร้านต่าง ๆ ก็เชิญไปถ่ายรูปที่หน้าร้าน 
เมื่อปี 2500 และปี 2501 ถิ่นไทยงาม จนกระทั้งในปี 2502 ไปประกวดที่กรุงเทพฯ มีพี่เลี้ยงหนึ่งคน นางงามคนหนึ่งนั่งเครื่องบินไปอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อที่จะอบตัวขัดผิว บางทีก็ไปเที่ยว
ที่บางละมุงและมาประกวดที่เวทีลุมพินี ตอนนั้นชินวัตรเป็นคนส่งเราไปร่วมกับพงศ์เภสัชร้านขายแว่นตาค่ะ"
    
..ส่วนรางวัลจากนางสาวเชียงใหม่ก็ได้รับขันเงิน ส่วนเงินรางวัลตอนนั้นไม่ถึงหมื่นบาท แค่ 7,000-8,000 บาท มีห้างร้านทำผมฟรีหนึ่งปี 
เครื่องใช้ไม้สอย เครื่องทำขนม รถจักรยานแค่นั้นค่ะ ส่วนงานต่าง ๆ ได้ไปเหมือนกันไปเขี่ยฟุตบอลที่เชียงใหม่ 2 ครั้ง แต่โดยกิจวัตรแล้ว
ถ้าไม่ได้ทำอะไรก็จะไปเป็นนางกวัก นางแบบ พรีเซ็นเตอร์ที่ร้านขายผ้าที่ชินวัตร ถ้าเกิดว่าลูกทัวร์เยอะก็จะทานกลางวัน 3 โมง แต่ละร้าน
จะทำงานเหมือนกัน 11 โมงต้องมาล้าวฝ้าย พอหลังจากนั้นก็ต้องไปประกวดอีก 2 ครั้ง ”สำหรับชีวิตของคุณสำรวยในปัจจุบันเธอได้เล่าให้ฟังว่า
“ตอนนี้ป้าไม่ทำงานแล้วค่ะ ตั้งแต่พ่อของเด็กเขาเสีย เสียได้ 16 ปีแล้ว ก็เลยกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่อยู่คนเดียว ลูกชายพึ่งจะกลับมาอยู่ด้วย
เขามีแฟนอยู่แล้วเขาเลิกกับแฟนเขาก็เลยว่าจะกลับ มาอยู่กับแม่ ป้ามีลูก 5 คน เสียชีวิต 1 คนเป็นผู้หญิงค่ะ เหลือผู้ชายอยู่อีก 4 คน 
อยู่กรุงเทพฯ 2 คน อยู่ประเทศญี่ปุ่น 1 คน และคนที่ประเทศญี่ปุ่นที่ว่าจะกลับมาอยู่ด้วยค่ะ ส่วนเรื่องสุขภาพตอนนี้ก็มีปัญหาเรื่องโรคเบาหวาน 
โรคความดันโลหิต โรคหัวใจค่ะเธอกล่าวทิ้งท้าย ”แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านพ้นแต่ความสุขจากการที่เธอได้รับตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่
จะยังเป็นความทรงจำอันงดงามของเธอตลอดไป"