ที่มาของข้อมูล
วิเวศ วัฒนสุข. 2549. 8 ทศวรรษดอกเอื้องเวียงพิงค์สายสัมพันธ์แห่งอารยธรรม.กรุงเทพฯ : ม.ป.พ.
พรรณิภา นันทยา นางสาวเชียงใหม่ ปี ๒๔๙๙ |
เฉกเช่นทุกปีงานฤดูหนาวประจำจังหวัดได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2498 6 มกราคม 2498 และการประกวดสาวงามยังคงมีการจัดประกวดภายในบริเวณงานฤดูหนาวเช่นเดิม
ทั้งการประกวดนางสาวเชียงใหม่และการประกวดนางสาวถิ่นไทยงามที่จัดติดต่อกันมาเป็นปีที่ 6 คณะกรรมการกองประกวดนางงามได้กำหนดวันประกวดสาวงามทั้ง 2 เวที สลับวันกันโดยวันที่
31 ธันวาคม 2498 และ 1 มกราคม 2499 จะเป็นการประกวดรอบแรกของเวทีนางสาวเชียงใหม่ส่วนวันที่ 2-3 เป็นรอบคัดเลือกของเวทีนางสาวถิ่นไทยงามการประกวดนางสาวถิ่นไทยงามปีนี้
ได้ทำการตัดสินก่อนนางสาวเชียงใหม่เพียงหนึ่งวัน สาวงามที่ชนะใจกรรมการและคว้ามงกุฎไปครองได้แก่นาวสาวสืบเนื่อง กันภัย
|
|
![]() |
และในคืนวันที่ 6 มกราคม 2499 การประกวดนางสาวเชียงใหม่รอบสุดท้ายได้เริ่มต้นขึ้นด้วยการอวดโฉมสาวงามผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 14 คน เหล่าสาวงาม
ได้ปรากฏกายในชุดอาบน้ำเยื้องกรายตามจังหวะของดนตรีประกอบการเดินที่บรรเลงเพลงโดยวงดนตรีธนาคารออมสินเชียงใหม่ที่สุดของค่ำคืนนั้นเป็นการ
ประกาศผลตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ได้แก่ นางสาวพรรณิภา นันทยาและรองนางสาวเชียงใหม่ประกอบไปด้วย นางสาว อุดมศรี สารนำธาร
นางสาว สมศรี เทพาคำ นางสาวสุวดี สุวรรณรัตน์และนางสาว สมทรง แสงอาวุธ จากนั้นพันโทเจ้าราชบุตร ณ เชียงใหม่ เป็นผู้ขึ้นสวมมงกุฎแก่นางสาวเชียงใหม่
พร้อมประธานขันเงินเกียรติยศแก่นางสาวเชียงใหม่และรองนางงามทุกคน
|
พรรณิภา นันทยา เป็นสาวงามชาวอำเภอสันกำแพงจากร้านพรหมชนะซึ่งเป็นผู้ส่งเข้าประกวด ก่อนได้รับตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่เธอเพิ่งรับรางวัลรองนางสาวถิ่นไทยงามไปครอง
เมื่อคืนก่อนประกวดเพียง 1 วัน ก่อนประกวดช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำไร่ทำนาที่สันกำแพงค่ะ คุณพ่อชื่อชุ่มและคุณแม่ชื่อเอ้ย นันทยา ส่วนชื่อพรรณิภา นันทยานี่เป็นชื่อจริงนามสกุลจริงค่ะ ...
ช่วงไปประกวดตอนนั้นอายุสัก 18 ปีค่ะ มีคุณสุมิตราร้านพรหมชนะส่งเข้าประกวดซึ่งตอนนั้นป้าอยู่ที่ร้านพรมชนะถนนวิชยานนท์ได้พักหนึ่งช่วยขายผ้าขายอะไรอยู่สักพัก อยู่ไม่ถึงปีก็เข้า
ประกวด...ก่อนหน้านี้เคยประกวดเทพีสงกรานต์เชียงใหม่มาก่อน รู้สึกจะได้รองนางงามนะค่ะตอนนั้น เลยตัดสินใจลงประกวดนางสาวเชียงใหม่ดูความรู้สึกตอนนั้นชนะไม่ชนะไม่เป็นไร
เพราะเราไม่ได้ฝึกฝนอะไรมามากนักไม่ได้มาเตรียมตัวอะไรสักอย่างอยู่ ไปประกวดก็ช่วยเขาไปงั้นค่ะ
|
แม้ว่าคุณพรรณิภาจะมีเวลาในการเตรียมตัวเข้าประกวดไม่มากนัก แต่ด้วยใบหน้าที่คมคายบวกกับเรือนร่างที่งดงามสมส่วนบนความสูง 157 เซนติเมตร ทำให้เธอคว้าไปถึง 2 ตำแหน่งจาก 2 เวทีประกวด ตอนนั้นเดินประกวดหลายวันนะค่ะ สมัยนั้นป้าก็เข้าประกวดถิ่นไทยงามด้วยได้เป็นรองคุณสืบเนื่อง กันภัย ประกวดถิ่นไทยงามก่อนแล้วมาเชียงใหม่ก็ไม่ได้มั่นใจนักเพราะเราไม่ได้อาบน้ำนมพรมน้ำแร่อะไรเป็นธรรมชาติจริง ๆ ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง....พอได้ตำแหน่ง นางสาวเชียงใหม่ก็รู้สึกดีใจค่ะ แต่ไม่มากนักเพราะเราไม่คิดว่าจะได้สมัยนั้นชุดอาบน้ำก็ไม่สั้นมากจะยาว ๆ มาหัวเข่า ส่วนมงกุฎก็หายไปแล้วค่ะ แต่งงานไป อยู่กรุงเทพย้ายไปย้ายมาเลยหายไป |
![]() |
หลังจากนั้นได้นางสาวเชียงใหม่ป้าอยู่พรหมชนะปีกว่าค่ะ ถึงได้แต่งงานกับคุณ หมอประยูร นรการผดุง ค่ะ ตอนนั้นคุณหมอเป็นผู้อำนวยการอยู่ที่โรงพยาบาลธัญญารัตน์ที่ปทุมธานี เป็นโรงพยาบาลพักฟื้นผู้ติดยาเสพติด แต่ก่อนหน้านั้นพอแต่งปุ๊บ ป้าไปอยู่ที่สุราษฎร์ฯ ก่อนค่ะ คุณหมอไปประจำที่นั่น 2 ปี จากนั้นจึงย้ายมากรุงเทพฯ คุณหมอมาทำงานที่สถานพยาบาล เสพติดก่อนมาสร้างเป็นโรงพยาบาลธัญญารัตน์ปัจจุบันค่ะ แม้ชีวิตครอบครัวจะประสบกับมรสุมด้วยการเสียชีวิตของสามีแต่คุณพรรณิภาก็ไม่ท้อถอยเธอพาลูก ๆ กลับมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านเกิดของเธอจังหวัดเชียงใหม่ แต่งงานแล้วมีบุตร 4 คน ชาย 2 หญิง 2 พอคุณหมอเสียก็ต้องกลับมาเชียงใหม่เพราะเราต้องคืนบ้านพักเมื่อ พ.ศ. 2513 ตอนนั้นคุณหมดเสียตอนอายุ 49 เลยพาลูกกลับมาเชียงใหม่ต้องผันตัวเองมาเป็นหัวหน้าครอบครัว ทำหลายอย่างแต่ก็ไม่ประสบสำเร็จเท่าไรค่ะ ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งในปัจจุบันคุณพรรณิภาได้เลี้ยงดูบุตรจนมีหน้าที่การงานที่ดีทุกคนและชีวิตในปั้นปลายเธอเลือกที่จะอยู่อย่างสงบที่อำเภอฝาง กับลูกสาวคนเล็ก ตอนนี้อยู่ที่ฝางค่ะตามลูกสาวที่มาทำงานอยู่ที่นี่เลยมาปลูกบ้านอยู่เพราะอากาศดี อะไรก็ดีค่ะ ปัจจุบันอายุ 71 ปี อยู่กับหลานอีก 2 คน ส่วนลูกสาวคนโตยังอยู่ที่อำเภอเมือง เชียงใหม่เพราะทำงานที่โรงแรมเชียงคำค่ะ...อยู่ที่ฝางนี่สงบดีอยู่ที่นี่อากาศดีมาก บ้านใกล้เรือนเคียงเพื่อนบ้านดีทุกคน เป็นชีวิตที่เป็นสุขในปั้นปลายชีวิตของคนแก่นะค่ะ เธอกล่าวพร้อมกับ น้ำเสียงที่เปี่ยมสุข เพราะความสุขที่ได้รับจากครอบครัวและธรรมชาติที่งดงามเป็นความสุขที่เธอพึงพอใจที่จะอยู่กับมันตลอดไป |