กะเหรี่ยงคอยาวหรือในภาษากะเหรี่ยงเรียกว่า "ปาดอง" หมายถึงผู้สวมหวงทองเหลือง แต่เนื่องจากชื่อและธรรมเนียมการใส่ห่วงทองเหลืองนี้จำกัดอยู่แต่บางกลุ่มที่ไม่ได้
นับถือศาสนาคริสต์ ปาดองส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงต้องการให้เรียกชื่อว่า "กะยัน" ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของกะเหรี่ยง อันที่จริงการใส่ห่วงทองเหลืองแบบนี้ไม่ใช่ปฏิบัติอกันเฉพาะในกลุ่ม
ปาดองเท่านั้น แต่ยังอยู่ในกลุ่มชนกลุ่มน้อยเผ่าอื่นในพม่าคือ "ละมุง" ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายเท่าปาดอง 
             ปาดองเป็นกะเหรี่ยงกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบสูงที่มีลักษณะลาดลงมาเป็นขั้นบันไดเหนือแม่น้ำสาละวินในรัฐกะยา ประเทศพม่า ใกล้เขตแดนไทยทางตอนเหนือ
ส่วนปาดองในเขตอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีเพียงไม่กี่ครอบครัว เหตุที่เข้ามาอยู่เพราะมีบริษัทจัดนำเที่ยวเจรจาตกลงกับรองนายกกะเหรี่ยงชื่อ ตูยีมู เพื่อขอนำปาดองเข้ามา
ให้นักท่องเที่ยวชมในเขตประเทศไทย โดยมีเงินเป็นค่าตอบแทนซึ่งกะเหรี่ยงจะเอาไปสมทบทุนซื้อเสบียงกับอาวุธไว้รบกับพม่าและเป็นค่าใช้จ่ายของปาดองด้วย

 

            ถ้าพูดถึงปาดอง เชื่อได้ว่ามีน้อยคนนักที่จะรู้จัก แต่ถ้าพูดถึง กะเหรี่ยงคอยาวแล้ว จะเป็นที่คุ้นหูของคนส่วนมาก ปาดอง หรือกะเหรี่ยงคอยาวได้รับความสนใจ
จากบุคคลทั่ว ๆ ไปในประเทศไทย เพราะลักษณะการแต่งกายของผู้หญิงเผ่านี้ ที่นำห่วงทองเหลืองมาสวมคอ นับเป็นสิ่งที่แปลกที่ไม่เคยพบเห็นในชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่น ๆ 
            ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจุดแรกที่ปาดองมาอาศัยอยู่ได้แก่ บ้านน้ำเพียงดิน อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นเขตสิ้นสุดชายแดนไทย การเดินทางไปหมู่บ้าน
นี้ส่วนใหญ่จะไปทางเรือ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ปัจจุบันผู้หญิงปาดองที่สวมห่วงคอทองเหลืองทั้งหมดได้อพยพจากบ้านน้ำเพียงดิน มาอาศัยอยู่ที่บ้านในสอย อำเภอเมือง
จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะฐานที่มั่นน้ำเพียงดินถูกพม่าโจมตี และปาดองบางส่วนก็อยู่ที่ บ้านห้วยเสือเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย
         ปาดองอาศัยอยู่ในเรือนหลังคามุงแฝกที่ทำด้วยใบตองตึง ฝากั้นด้วยไม้ขัดแตะ พื้นปูฟาก ไม้ไผ่ ตอนกลางวันผู้ชาย
ไปฝึกทหารบ้าง ล่าสัตว์หาของป่าบ้าง ผู้หญิงอยู่บ้านทอผ้า เลี้ยงลูกและคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะไปถ่ายภาพ หรือไปซื้อของ
การแต่งกายของผู้หญิงปาดอง จะเด่นกว่าการแต่งกายของกะเหรี่ยงเผ่าอื่น ๆ เวลาที่ แต่งกายเต็มที่จะสวมเสื้อทรงกระบอก สีขาว มีแขนในตัวยาวลงมาถึงสะโพก แล้วสวมเสื้อแขนยาวสีดำทับอีกที ส่วนกระโปรงนั้นสีดำและมีลักษณะแคบ พันทบกันที่ด้านหน้า ยาวถึงหัวเข่า ผมก็รวบเกล้ามวยและปักปิ่นเงินหรือไม้ยาว หรืออาจเป็นหวีเงินอันใหญ่สับไว้แล้วรัดด้วยผ้าสีซึ่งผูกเป็นปมตรงด้านหน้า ศีรษะสวมตุ้มหูเงิน จุดเด่นที่สุดคือรอบคอสวมห่วงทองเหลือง ส่วนที่ข้อมือใส่กำไลข้อมือที่เป็นสีทองเหลืองหรืออลูมิเนียม ที่น่องตอน บนใต้เข่าจะสวมห่วงทองเหลืองทับผ้าที่พันไว้กันเสียดสีกับผิว ถัดจากห่วงชุดนี้ตรงบริเวณน่องลงมาถึงข้อเท้าจะใส่ห่วงทองเหลืองซ้อน กันโดยตลอด เดิมห่วงที่ใส่ทั้งตัวนี้มีน้ำหนักรวมกันประมาณ 22-36 กิโลกรัม แต่ปัจจุบันจะสวมน้อยลงเหลือแค่ 7 กิโลกรัม
 
       
               
              การใส่ห่วงคอทองเหลืองนั้น เริ่มตั้งแต่เด็กสาวปาดองมีอายุได้ 5-9 ปี หมอผีประจำเผ่าเป็นผู้ทำพิธีใส่ให้ ก่อนใส่จะต้องใช้กระดูกไก่ทำนายหาฤกษ์ยามที่ดีที่สุด 
แต่เดิมผู้ที่จะสวมห่วงทองเหลืองจะต้องเป็นหญิงที่เกิดวันพุธที่ตรงกับวันเพ็ญเท่านั้น และจะต้องเป็นหญิงปาดองแท้ ไม่ใช่เชื้อผสมมาจากเผ่าอื่น แต่ต่อมาไม่ว่าจะเกิด
วันใดก็นิยมใส่กันหมด ห่วงคอนี้เดิมใช้ทองคำแท้ แต่ปัจจุบันใช้ทองเหลืองที่นำมาจากเมืองเบลอง ประเทศพม่า ห่วงทองเหลืองนี้จะมีลักษณะตัน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1/3 นิ้ว 
ที่ต้องตันเพราะถ้ากลวงแล้ว จะนำมาดัดเป็นวงกลมได้ไม่สวย 
            ก่อนใส่ต้องเอาทองเหลืองไปอังไฟและชุบน้ำมะนาวให้อ่อนแล้วนำมาขดรอบคอทบขึ้นไปเป็นวงต่อติดกัน
เหมือนขดลวดสปริง ห่วงที่เป็นขดนี้มี 2 ชุด ชุดแรกใส่เป็นฐานอยู่บนไหล่ 5 วง ต่อจากชุดนี้ขึ้นไปบนคอ เป็นชุดที่มี 20 
วงเหนือวงบนสุดจะมีหมอนใบเล็กจิ๋วใส่ค้ำคางไว้กันเสียดสี ห่วงทั้ง 2 ชุดนี้ แม้แยกจากกันเป็นสองขด แต่ก็มีโลหะยึด
ให้ติดกันไว้ที่ด้านหลังคอ รอบ ๆ ห่วงชุดล่างจะมีสร้อยเงินเหรียญและลูกปัดสวมทับอีกทีหนึ่ง
         ผู้หญิงปาดองจะถอดห่วงคอตามวาระต่าง ๆ กันทุกปี ปีละครั้ง เพื่อเปลี่ยนขนาดโดยเพิ่มความยาวของขดทองเหลือง บางแห่งก็ถือว่าการถอดห่วงเพื่อเปลี่ยนขนาดจะทำทุก ๆ 4 ปี 
ในชีวิตของปาดองนั้นจะเปลี่ยนขนาดห่วงทั้งหมด 9 ครั้ง เมื่อคำนวณแล้วพบว่าจะเปลี่ยนขนาดครั้งสุดท้ายเมื่ออายุได้ 45 ปี และจะใส่ห่วงชุดนั้นไปจนกว่าจะตาย นอกจากถอดเพื่อเปลี่ยน
ขนาดแล้ว ผู้หญิงปาดองจะถอดห่วงเมื่อตอนตั้งท้องเตรียมจะคลอดบุตร แต่เมื่อคลอดแล้วก็จะใส่เข้าตามเดิม นอกจากนั้นก็จะต้องถอดห่วงเมื่อถูกทำโทษ ตามความเชื่อดั้งเดิม ผู้หญิง
ปาดองที่ทำความผิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางชู้สาว จะถูกทำโทษให้ถอดห่วงออก เพื่อทำให้เกิดความอับอายดูเหมือนว่าห่วงทองเหลืองนี้เท่านั้นที่ทำให้ปาดองกลายเป็นชนเผ่าประหลาดถึง
ขนาดที่นำมาเป็นจุดดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้ คงไม่ต้องตั้งปัญหาว่าการที่นำปาดองเข้ามาในประเทศไทยเพื่อเผยแพร่ความประหลาดนี้แก่สายตานักท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
หรือไม่ เพราะเป็นความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย แต่นอกจากห่วงทองเหลืองนี้แล้ว ปาดองคือชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งที่มีภาษา และวัฒนธรรมของตนเอง มีความสัมพันธ์กับกะเหรี่ยงในประเทศไทย
ทั้งทางภาษาและประเพณีความเชื่อ ความเป็นอยู่ อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้หญิงปาดองไม่ใส่ห่วงทองเหลืองที่คอ ก็อาจไม่มีโอกาสเข้ามาอยู่ในเขตแดนไทยจนเป็นที่รู้จักอย่างในปัจจุบัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 ที่มาของข้อมูล
    
            รุจพร ประชาเดชสุวัฒน์.  2550.  "กะเหรี่ยงกะยัน".  ม.ป.ท. : ม.ป.พ.