แม้ว เป็นชนชาวเขาเผ่าหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตา การแต่งกายตลอดจนขนบธรรมเนียมคล้ายกับชาวจีนฮ่อ อาจสันนิษฐานได้ว่ามีเชื้อสายมาจากจีน
 ปัจจุบันอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่บนยอดเขาต่าง ๆ ในเขตมณฑลธิเบต ยูนนานของจีน ซานสเตทของพม่า อินโดจีนและไทยตอนเหนือ เหตุที่อพยพเข้ามาอยู่
ในเขตไทยเนื่องจากชาวแม้วมีอาชีพทางปลูกฝิ่น พื้นที่บนเขาต่าง ๆ ในมณฑลธิเบตและยูนนานตอนเหนือซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่เดิมทุรกันดาร พื้นที่บนภูเขาโล่ง
เตียนหาต้นไม้ไม่ค่อยได้โดยพากันโค่นต้นไม้ลงทุกปี จึงกลายเป็นภูเขาหัวล้านพื้นดินปราศจากปุ๋ยธรรมชาติ เวลาฝนตกลงมาก็ไม่มีรากไม้ต้นไม้คอยดูดซับ
เอาน้ำให้คงไว้ในดิน เป็นเหตุให้ท่วมพื้นที่ราบระดับสูง ทำความเสียหายแก่ทรัพย์สินและชีวิตของผู้คนมาก ฤดูแล้งน้ำก็แห้งขอด รัฐบาลจีนจึงห้ามตัดฟันไม้
 ทั้งประกาศใช้พระราชบัญญัติฝิ่น ห้ามทำการปลูกค้า และสูบฝิ่น โดยกำหนดโทษประหารชีวิต ชาวแม้วจึงถูกรบกวนจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารและบรรดาโจรฮ่อ
ที่เดินทางผ่านไปมาบนยอดเขาเสมอ จึงพากันอพยพลงมาอยู่ตามชายแดนยูนนานตอนใต้แคว้น สิบสองปันนาซึ่งห่างจากการเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่
ฝ่ายบริหาร มีภูเขาสูงต่ำเรียงรายหลายพันยอด บางพวกก็เข้าไปอยู่ในเขตพม่า อินโดจีนเหนือตามภูเขาชายแดน ครั้นอยู่ไม่เป็นปกติสุขเพราะเกิดความยุ่งยาก
ในทางการเมืองและดินแดนเหล่านั้นมีการปล้นสะดม การปะทะกันระหว่างทหารจีนรัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่ ฝรั่งเศสกับลาวญวนอิสระ กะเหรี่ยงกับพม่า และ
มีโจรฮ่อยกพวกคอยแย่งชิงรบกวนอยู่เสมอชาวแม้วจึงพากันอพยพเข้ามาอยู่ตามภูเขาต่าง ๆ ในเขตไทยทางภาคเหนือ 

 

              ชาวแม้วในจังหวัดเชียงรายนั้น มีอยู่บนดอยช้าง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกอำเภอเชียงราย ดอยผาหม่น อำเภอเทิง ดอยหลวง อำเภอเชียงของ ที่อำเภอเชียงคำมีอยู่บนดอยน้ำบง
 ดอยนาง ดอยผาแดง ดอยภูลังกา ฯลฯ ซึ่งเป็นพืดเดียวกันกับภูเขาเขตล้านช้างของฝรั่งเศสและ อำเภอปง จังหวัดน่าน ชาวแม้วอาศัยอยู่รวมกันเป็นหมู่บ้านๆ ท่ามกลางอาอาศเย็นและเวิ้งว้าง
บนภูเขาสูงไม่ห่างกับลำห้วยลำธาร สามารถนำเอาน้ำมาใช้ภายในบ้านได้ หมู่หนึ่งประมาณ 10-40 หลังคาเรือน ไม่มีรั้วบ้านล้อมรอบเป็นขอบเขต บางหมู่บ้านเจาะเอาไม้ไผ่หรือไม้ซางทะลุปล้อง
กลางต่อกันนำเอาน้ำมาใช้ภายในบ้านเรือนอย่างเดียวกันกับชาวเย้าและชาวแข่รีซอ ปลูกบ้านกันอย่างหยาบๆ ไม่แน่หนาถาวร รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมากทำด้วยไม้ไผ่ปลูกติดอยู่กับพื้นดิน ทำร้าน
สูงประมาณ1 ศอกเป็นที่นอน และกั้นเป็นห้อง ๆ ไป บ้านผู้มีฐานะดีใช้ไม้กระดานทำโดยวิธีตอกลิ่มเป็นแผ่นบาง ๆ ไม่ใช้เลื่อย ครั้นแล้วนำมาตั้งเป็นฝาเรือนไม้ไผ่ขนาบทั้งข้างนอกและข้างในเอา
หวายมัดยึดไว้อีกชั้นหนึ่ง หลังคามุงด้วยใบคา ใบก้อ (ปาล์มชนิดหนึ่ง) ใบหวาย ใบไผ่ ฯลฯ มีประตูอยู่ตรงกลาง เมื่อเข้าไปจะพบเตาไฟตั้งอยู่บนพื้นดินทางขวามือถัดไปเป็นหิ้งผีเรือน ที่นั่ง
รับประทานอาหารกับเตาไฟสำหรับทำอาหารให้สัตว์อย่ทางซ้ายมือ ยกร้านเป็นที่เก็บข้าวเปลือก ถัดไปเป็นห้องนอนของชาวแม้ว หลังคาบ้านเตี้ย ไม่มีเพดาน ด้านในมองขึ้นไปบนขื่อจะเห็นสีดำ
ของควันไฟจับลำไม้ไผ่เป็นเงาตามเสาบางบ้านประดับเขากวางบริเวณนอกบ้านมีเล้าไก่ คอกหมู โรงม้า ทำเป็นทางเดินรอบ ๆ ไม่มีรั้วบ้าน 
            ชาวแม้วมีอาชีพในการทำไร่ ปลูกข้าวโพด ข้าวเจ้า พริก ฝิ่น ยาสูบ ฯลฯ สัตว์เลี้ยงมี ม้า ลา ไก่ หมู วัว สุนัข อาหารใช้ฆ่าหมู
 วัว ทำเป็นเนื้อเค็มตากแห้งไว้รับประทานเวลาไปไร่ โดยใช้ต้มกับผักกาด หัวชู ฟักแดง ถั่ว ฯลฯ บางครั้งใช้ผัดน้ำมัน หรือปิ้งรับประทาน
 ใช้ตะเกียบแบบชาวจีน เวลารับประทานอาหารต้องมีน้ำชาแก่ ๆ ดื่มตามไปด้วย 


            ฝิ่นเป็นอาชีพสำคัญของชาวแม้ว เพราะนำรายได้มาสู่เขาปีหนึ่งเป็นจำนวนมาก แม้ทางรัฐบาลไทยจะห้ามไม่อนุญาตให้มีการ
ปลูกฝิ่น แต่ชาวแม้วก็ยังลักลอบปลูกกันอยู่ตามไหล่เขา ส่วนการสูบฝิ่นนั้นดูเหมือนมีประจำแทบทุกหลังคาเรือน เหตุแห่งการติดฝิ่น
คือปรากฎว่าชาวแม้วมักเจ็บป่วยปวดท้อง ปวดศีรษะ เจ็บปวดตามร่างกายเสมอแทนที่จะเข้าใจว่า การปวดนั้นอาจมาจากอาหารเสีย
หมักหมมอยู่ในร่างกาย ทำให้มีการปวดมวนหรือเหตุอื่น เขาได้แต่เซ่นผีหรือเอาฝิ่นมาสูบเพื่อระงับการปวดเจ็บ หลายครั้งต่อหลายครั้ง
เข้าจึงทำให้ติดฝิ่นต้องสูบเป็นประจำ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของเรามีจำนวนน้อยไม่มีอาวุธยุทธภัณฑ์เพียงพอที่จะขึ้นไปห้ามปรามจับกุม 
การปลูกฝิ่นและสูบฝิ่นจึงปล่อยกันอย่างเสรีเสมือนไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายไทย การโค่นทำลายต้นไม้เพื่อทำไร่ก็ยังเป็นไปอย่างปกต
ิจนภูเขาบางลูกมีแต่ต้นไม้เล็ก ๆ บางลูกกลายเป็นภูเขาหัวล้าน ผลเสียหายจึงตกอยู่กับประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่บนพื้นที่ราบ 
เพราะในฤดูแล้งบางหมู่บ้านจะหาน้ำรับประทานหรือรดพืชผลกสิกรรมแทบไม่มี พอถึงฤดูฝน น้ำไม่มีต้นไม้ใหญ่คอยยึดคอยกีดขวาง
 ก็ไหลพรูลงมาท่วมไร่นาและบ้านเรือนราษฏรได้รับความเสียหายอย่างมหันต์ ดังปรากฎเหตุการณ์ทำนองนี้ในประเทศฝรั่งเศส จีน
 และหลายประเทศมาแล้ว 
 
      
               
                ชาวแม้วเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้านแทบทุกหลังคาเรือน สุนัขพันธุ์แม้วมีขนสีดำสีขาวปุกปุย ยาวกว่าสุนัขทางพื้นที่ราบเวลาเล็ก ๆ น่าเอ็นดู แต่โตขึ้นค่อนข้างดุ ชอบอากาศเย็น
 ได้มีผู้นำมาเลี้ยงไว้ตามพื้นที่ราบบางแห่ง แต่สุนัขชนิดนี้มีชีวิตอยู่ในถิ่นที่มีอากาศร้อนได้ไม่นาน ชาวแม้วทำปืนและลูกปืนใช้เอง ตลอดจนเครื่องประจำวัน เช่น มีดพร้าจอบ เสียม
 เครื่องเงิน กำไลมือ ห่วงคอ ทำเองหมดทุกอย่าง เสื้อผ้า เช่น เสื้อกระโปง กางเกง ผู้หญิงเป็นคนปั่นทอ ทำด้วยป่านป่า ต้นกัญชา ฝ้ายเครื่องปั่นทอผ้าเส้นด้ายก็ทำแบบง่าย คือใช้
ปลายผ้าผูกกับเสาข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งผูกกับตัวทอ ใช้กระสวยใหญ่ การล่าสัตว์นาน ๆ ครั้ง ทำเป็นร้านสูงตามต้นไม้ใกล้ที่สัตว์ลงกินน้ำ บางทีก็ทำเป็นพุ่มไม้ดักยิงสัตว์ ชาวแม้วม
ีความชำนาญในการยิงปืน ยิงหน้าไม้มาก สิ่งเสพติดนอกจากฝิ่นแล้ว มียาสูบซึ่งใช้กล้องยาสูบทำด้วยรากเหง้าไม้ไผ่ ไม่ใช้ใบตองหรือกระดาษมวนบุหรี่ ผู้หญิงและเด็กไม่สูบฝิ่น
 มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่นิยมสูบฝิ่น 
         ชาวแม้วเป็นคนที่ค่อนข้างใจคับแคบ ตระหนี่เหนียวแน่น แต่ไม่โหดร้าย มีความสามัคคีกันระหว่างชาวบ้าน ขี้เกียจกว่าชาวเย้ามาก
ไม่มีตัวหนังสือ เขาบอกว่าเดิมชาวแม้วมีตัวหนังสือเหมือนกัน แต่โดยเหตุที่บรรพบุรุษต้นตระกูลของเขาแต่โบราณกาลต้องอพยพหลบลี้หนี
ภัยอยู่เสมอ วันหนึ่งขณะขนลำเลียงหนังสือภาษาแม้วบรรทุกม้าเดินทางมาถึงลำธารแห่งหนึ่ง จึงปลดตะกร้าหนังสือลงจากหลังม้า แล้วพากัน
นอนหลับใต้ต้นไม้ ลืมปล่อยม้าไปกินหญ้า ม้าได้กินหนังสือของเขาเสียหมด นับแต่นั้นมาชาวแม้วจึงไม่มีตัวหนังสือใช้

        
          ชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันของชาวแม้วคล้ายคลึงกับชาวเขาพวกอื่น ๆ คือ ผู้หญิงตื่นนอนก่อนผู้ชาย เวลาเช้ามืดหุงข้าวทำอาหารไว้ให้
สามีและสมาชิกภายในครอบครัว หาอาหารให้สัตว์เลี้ยง ผู้ชายเจ้าของบ้านตื่นสาย เด็กหนุ่มตื่นก่อน ไปไร่แต่เช้า กลับมาถึงบ้านตอนเย็นพักผ่อน
ส่วนผู้หญิงเมื่อกลับจากไร่มาแล้วต้องตำข้าว ทำอาหาร การกินอยู่ง่าย ๆ เพียงผักต้มก็ใช้รับประทานได้ ไม่ชอบรสเผ็ดไม่ใช้น้ำปลา กะปิ หอม 
กระเทียม ใช้เกลือเม็ดอย่างเดียว ความเป็นอยู่สกปรกกว่าชาวเขาพวกอื่น ๆ ทั้งหมด ไม่มีการอาบน้ำ นานทีปีครั้ง เพียงเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเท่านั้น 
เครื่องใช้ต่าง ๆ ปล่อยให้ฝุ่นและขี้เขม่าจับ ข้าวของวางไม่เป็นระเบียบ ปล่อยเกะกะไปตามเรื่อง. 
  

 

 

 

 ที่มาของข้อมูล 
     บุญช่วย ศรีสวัสดิ์. 2547. 30 ชาติในเชียงราย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ศยาม.