เนื่องจากชนเผ่าอีก้อมีถิ่นฐานอยู่ตามภูเขาและยอดดอยจึงถูกเรียกว่า ชาวเขา แต่สำหรับพวกเขาจะเรียกตนเองว่า อาข่า (AKHA) คนไทยและพม่านิยมเรียกว่า อีก้อ หรือ ข่าก้อ ส่วนลาวและชนชาติอินโดจีนตอนเหนือจะเรียกพวกเขาว่า โก๊ะ แต่คนจีนเรียกว่า โวนี่ หรือ ฮานี ซึ่งหมายถึงพวกที่พูดภาษาโลโล ในมณฑลยูนนานทางตอนใต้ของจีนด้วย หมอสอนศาสนาชาวอเมริกันผู้หนึ่งชื่อพอล ดับบลิว. เลวิส เคยใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับชาวเขาเผ่าอีก้อ หรืออาข่า ในพม่ามานานหลายปี โดยได้จดบันทึกรายงานและสันนิษฐานถึงการ อพยพของชนเผ่าอีก้อจากจีนเข้าสู่พม่า ลาว และไทยว่า บางทีอาจจะนานกว่าหนึ่งร้อยปีมาแล้ว และนับตั้งแต่ปีพุทธศักรช 2490 เรื่อยมา พบว่าชาวอีก้อได้อพยพเข้ามาสู่พม่าและประเทศไทย มากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากในระยะหลัง พวกเขาถูกชาวจีนฮ่อรบกวนจนไม่มีที่ทำมาหากิน จึงจำเป็นต้องอพยพโยกย้ายหาที่ทำกินใหม่เรื่อยมา กระทั่งเข้าสู่บริเวณสันเขาแนวเขตติดต่อชายแดน ระหว่างไทยกับพม่าด้านอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อันมีความอุดมสมบูรณ์และปลอดภัย พวกเขาจึงยึดเอาเป็นที่ทำมาหากินเรื่อยมาจนบัดนี้ |
ชนเผ่าอีก้อกลุ่มแรกที่เข้ามาในประเทศไทยเรียกตัวเองว่า อู่โล้อักข่า หรืออีก้อไทย ซึ่งมีลักษณะเด่นคือผู้หญิงจะสวมหมวกทรงสูงประดับขนไก่และขนชะนีย้อมสีสวยงาม เอาไว้บนศีรษะด้วย โดยอีก้อกลุ่มนี้ได้มาตั้งถิ่นฐานบนภูเขาบริเวณใกล้บ้านสามแยก ทางไปดอยแม่สลอง หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีชนเผ่าอีก้ออีกพวกหนึ่งซึ่งเรียกตัวเองว่ากลุ่ม โลเมอักข่า หรืออีก้อพม่า ได้อพยพเข้ามาในเขตแดนไทยอีกโดยทางสันเขาดอยตุงและเข้ามาตั้งถิ่นฐานเป็นหมู่บ้านที่บ้านผาหมี บนดอยตุงก่อนที่จะกระจัดกระจายไปสู่บริเวณตำบลป่าซาง ตำบลป่าตึง เขตอำเภอแม่จัน และที่อื่นๆ อีกหล่ยแห่งของสันดอยนี้ ลักษณะเด่นของอีก้อกลุ่มนี้ ผู้หญิงจะสวมหวมกชนิดหัวกลมด้านหลังเป็นแผงสั้นๆ หมวกชนิดนี้ทำด้วยเงินแท้ที่มีมูลค่านับหมื่นบาททีเดียว คนพื้นเมืองมักจะเรียกพวกเขาว่า อีก้อหัวเรดาร์ แต่อีกพวกหนึ่งผู้หญิงจะสวมหมวกที่ประดับด้วยโลหะตีเป็นลูกกลม ๆ ร้อยให้เป็นสายไว้บนศีรษะ |
ที่มาของข้อมูล
รุจพร ประชาเดชสุวัฒน์. 2550. "อีก้อ". ม.ป.ท. : ม.ป.พ.