ที่มาของข้อมูล

วิเวศ วัฒนสุข. 2549. 8 ทศวรรษดอกเอื้องเวียงพิงค์สายสัมพันธ์แห่งอารยธรรม.กรุงเทพฯ : ม.ป.พ.

 

สำราญ อุดมศรี นางสาวเชียงใหม่ ปี ๒๕๐๑

 

 

             
         การประกวดนางสาวเชียงใหม่ 2501 ได้เริ่มขึ้นเมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2500 และนางสาวถิ่นไทยงามได้กลับมาจัดประกวดในงานฤดูหนาวจังหวัดเชียงใหม่พร้อมกับนางสาวเชียงใหม่
่อีกครั้งหลังจากได้งดการประกวดไปหนึ่งปี โดยหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ ฉบับวันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2501 ได้รายงานข่าวการประกวดมีรายละเอียดว่าน.ส. เชียงใหม่มีสาวงามจากอำเภอต่าง ๆ 
สมัครเข้าชิงตำแหน่งยอดพธู 18 นางสาว ส่วน น.ส. ถิ่นไทยงามมีรวม 25 นางสาว การประกวดคืนวันที่ 31 นี้ เป็นการชิงเข้ารอบนางสาวเชียงใหม่ ผลปรากฏว่าผู้ที่เข้ารอบ 7 นางสาวมีเบอร์ 1 
น.ส. ศิริพรรณ โพธยะ เบอร์ 2 น.ส. ทิวาภรณ์ กัณฑวงศ์ เบอร์ 3 น.ส. ศิริธร พิบูลย์รัตน์ เบอร์ 4 น.ส. นวลลออ เมืองแก้ว เบอร์ 5 น.ส. สำราญ อุดมศรี เบอร์ 6 น.ส. วินดา ศรีวงศ์มูล เบอร์ 7 
น.ส. แสงจันทร์ ใจมาแก้ว เวทีการประกวดปีนี้ได้สร้างเป็นรูปนางฟ้าหลับตาพริ้มลอยอยู่ในหมู่เมฆ เวทีหมุนตัวสร้างเป็นรูปดอกบัวบาน อากาศในคืนแรกนี้ไม่ค่อยจะหนาว นางงามค่อยสบาย
หน่อยในชุดอาบน้ำไม่ถึงกับเข่าสั่นกระตุกและไม่ต้องเอาเตาอั้งโล่ออกโชว์ให้ความอบอุ่น..
     ในค่ำคืนสุดท้ายของการประกวดนางสาวเชียงใหม่ในวันที่ 4 มกราคม เหล่าสาวงามผู้เข้ารอบสุดท้าย 13 คน ได้เดินประกวดในชุดอาบน้ำสีสดสวย 
ยกเว้นแต่ นางสาว วินดา ศรีวงศ์มูล สาวงามหมายเลข 6 ได้ถอนตัวไปขึ้นประกวดนางสาวถิ่นไทยงามในคืนประกวดวันที่ 5 มกราคมและเธอสามารถ
คว้าตำแหน่งไปในที่สุดโดยมีสำรวย อุดมศรี นางสาวเชียงใหม่ 2500 ได้เป็นเพียงรองนางงามท่ามกลางประชาชนที่มาเฝ้าชมการประกวดแน่นขนัด 
ได้มีการประกาศผลคัดเลือกผู้ครองตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ 2501 ได้แก่ สาวงามหมายเลข 5 น.ส. สำราญ อุดมศรี โดยมีรองนางงามอีกสี่นางสาว 
ได้แก่ หมายเลข 4 นวลลออ เมืองแก้ว หมายเลข 12 น.ส. ปนัดดา อุทัยผล หมายเลข 14 น.ส. อุไรวรรณ คำมนเทียร หมายเลข 19 น.ส. เอื้องไพร 
ชัยนันท์   สำราญ อุดมศรีคือชื่อจริงนามสกุลจริง เป็นบุตรคนสุดท้ายในจำนวน 5 คนและพี่สาวคน ที่ 4 คุณ สำรวย อุดมศรี ก็เคยเป็นนางสาวเชียงใหม่
ปี 2400 และเป็นรองอันดับ 1 และเป็นรองอันดับ 1 นางสาวถิ่นไทยงาม ในปีที่คุณสำราญเข้าประกวดนางสาวเชียงใหม่ก่อนที่จะเข้าประกวด 
คุณสำราญได้ทำงานทอผ้าประจำอยู่ที่ร้านชินวัตรโดยเธอได้กล่าวว่า 
     “ .....จริง ๆ ไม่ได้มีโครงการจะเข้าประกวดหรอกคือชินวัตรไปหาคนมาเข้าประกวดที่ ป่าซาง จ.ลำพูน แต่คนนั้นเขามาไม่ได้ 
ป้าอยู่ที่นี่เขาก็เห็นว่าหน้าตาดีทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นยังถักผมเปียอยู่เลยก็เลยได้เข้าประกวด ตอนนั้นมีเวลาเตรียมตัวไม่ถึง 2 อาทิตย์ 
คือความที่เราโตเราอวบก็เลยจับพลัดจับผลูได้เข้าไปประกวดตอนนั้นเดินประกวดตั้ง 7 วัน คือเขาก็คัดตัวไปเรื่อย ๆ จนครบวันสุดท้าย
เหลือ 5 คน ตอนนั้นใส่ชุดว่ายน้ำเป็นกระโปรงและกางเกงข้างในผ้าก็เป็นผ้าแพรเป็นเหมือนผ้าจีนก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะได้ ตอนนั้นชินวัตร
สันกำแพงส่งเข้าประกวด เวทีก็เป็นไม้ ประมาณ 6-7 แผ่นและก็เดินไปส่วนตรงที่หมุนตัวก็เป็นลักษณะกลม ๆ หมุนตัวเสร็จแล้วก็เดินกลับมา
อีกทางหนึ่งเสร็จแล้วก็มายืนตรงที่เขาวงกลมไว้ให้ยืนเรียงแถวกันมาเรื่อย ๆ สมัยนั้นผู้เข้าประกวดอายุประมาณ 15-16 แต่เรายังเด็กอยู่เลย 
หน้าตาเราก็ยังแต่งหน้าไม่เป็นเลย เวทีนี้เป็นเวทีที่ 2 ก่อนหน้านั้นเคยไปประกวด นางงามสงกรานต์นุ่งชุดไทย แต่ก็จำไม่ได้ว่าได้ตำแหน่งมาหรือเปล่า
พอประกวดนางสาวเชียงใหม่รอบ 5 คนสุดท้ายก็ไม่ได้มั่นใจและก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คิดว่าคงไม่ได้หรอก แต่พอเขาประกาศผลก็งง “ เราเหรอเนี่ย ” 
และคนที่เขาเชียร์ก็ตะโกนกันว่าได้แล้ว ๆ ” 

 

       ส่วนของรางวัลสมัยนั้น คุณสำราญได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท จักรยาน 1 คัน เข็มขัดนาคเล็ก 1 เส้น เครื่องสำอางของบริษัทไนติงเกลและของขวัญต่าง ๆ ซึ่งชีวิตหลังจากการเป็น
นางสาวเชียงใหม่ก็น่าสนใจไม่น้อย “ ....ภาระกิจตอนนั้นก็ได้ไปเขี่ยฟุตบอลให้ที่โรงเรียนยุพราชและวันสุดท้ายที่อำลาตำแหน่งก็ไปเดินรอบเวทีรอบงานฤดูหนาวแล้วหลังจากนั้นก็กลับมา
ขายผ้าไหมที่ชินวัตรเหมือน เดิม พอหลังจากออกจากร้านชินวัตรไปแล้วก็ได้ไปอยู่กับพี่สาวที่กรุงเทพฯ ได้แสดงหนัง 1 เรื่อง “ เรื่องลูกจ๋า ” ของ ส. อาสนจินดา เป็นนางเอกและอดุลย์เป็น
พระเอก แสดงอยู่เรื่องเดียว ตอนนั้นอายุประมาณ 22 ปี จากนั้นก็ไปเรียนทำผมแล้วก็เปิดร้านไปอยู่กับพี่สาวที่หัวหินจนได้ไปเจอกับพ่อของเด็ก ๆ เค้า คุณลุงเขาเพิ่งจบมาจากเยอรมันเค้า
ก็เลยมาขอแต่งงานตอนนั้นอายุ 23 และมีบุตร 2 คนค่ะ ....และตอนหลังที่ลุกขึ้นมาทำธุรกิจเพราะสามีเสีย ตั้งแต่ลูก ๆ ยังไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเลยก็สู้มาเรื่อย ๆ และสมัยก่อนความรู้ก็
ไม่ได้มากมายแค่ ม.3 พอสามีเสียก็เลยย้ายกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วก็มีคนชวนให้มาเล่นรถบรรทุกซึ่งพี่สินมณีคนชวนก็เล่นรถบรรทุกจนส่งเสียให้ลูก ๆ เรียนจบปริญญาตรีทุกคนก็คือว่า
เราหมดภาระหน้าที่แล้วตอนนี้ แต่ว่าเราก็ยังทำงานอยู่ถึงแม้ว่าลูก ๆ เขาจะแต่งงานแล้ว แต่เราก็ยังทำงานได้ก็ยังอยากจะทำอยู่ค่ะ