ที่มาของข้อมูล
วิเวศ วัฒนสุข. 2549. 8 ทศวรรษดอกเอื้องเวียงพิงค์สายสัมพันธ์แห่งอารยธรรม.กรุงเทพฯ : ม.ป.พ.
นวลอนงค์ แก้วยานะ นางสาวเชียงใหม่ ปี ๒๔๙๘ |
งานฤดูหนาวเชียงใหม่ในปี 2498 ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2497 - วันที่ 9 มกราคม 2497 การประกวดนางสาวเชียงใหม่และนางสาวถิ่นไทยงามยังคงเป็นส่วนหนึ่งของงาน
ประจำปีเช่นเคยผู้ที่ได้รับตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ได้แก่ นางสาว นวลอนงค์ แก้วยานะ สาวงามจาก สันกำแพงที่เป็นตัวเก็งมาแต่แรกประกวดครองมงกุฎไปตามความคาดหมายและรอง
อีกสี่นางสาวได้แก่ นางสาว งามฉลวย ไชยวงศ์ นางสาว พิมพ์ทอง นรินทรเมธี นางสาวศิริวรรณ นันทยาและนางสาว ฉวีวรรณ เวทะธรรมและในคืนถัดมา นวลอนงค์ ได้เขาร่วมประกวด
นางสาวถิ่นไทยงามได้รับตำแหน่งรองโดยมี นางสาว เพลินจันทร์ แก้วกัลยา สาวงามจากจังหวัดลำปางครองมงกุฎนางสาวถิ่นไทยงาม 2498 ไปในที่สุด
|
|
![]() |
ปัจจุบันคุณนวลอนงค์อายุ 68 ปี ได้ย้ายถิ่นอาศัยมาอยู่ยังกรุงเทพมหานครแต่เธอก็ยังคงกลับมาบ้านที่สันกำแพงทุก ๆ ปี ตอนนั้นที่ประกวด
ป้าอายุ 17 ปีค่ะ ต้องออกมาจากโรงเรียนเพราะที่บ้านไม่มีใครช่วยงานแล้วคุณ สุมิตรา พรมชนะ ก็มาเห็นที่ตลาดเขาก็มาชวนว่าให้ลงประกวด
นางงามไหม ป้าก็บอกว่าไม่ไปหรอกเพราะว่าป้าเป็นคนขี้อายแต่คุณพ่อก็บอกว่าให้ลองดูเพราะอยากให้ป้ากล้าแสดงออกได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
หลังจากนั้นคุณสุมิตรา (นางสาวเชียงใหม่ 2482) ก็ชักชวนคุณนวลอนงค์มาอยู่ที่ร้าน พรหมชนะ เพื่อความเตรียมพร้อมในการประกวดนางงาม
|
ช่วงที่ไปอยู่ร้านพรหมชนะก็มีซ้อมเดินค่ะ พาไปอาบน้ำแร่แช่น้ำนมและป้าก็ได้ประกวดนางสาวสันกำแพงก่อนถึงได้มาประกวดนางสาวเชียงใหม่ บรรยากาศการประกวดนางสาว สันกำแพงกับนางสาวเชียงใหม่จะคล้าย ๆ กันจะแตกต่างออกไปก็คืออากาศตอนที่ประกวดนางสาวเชียงใหม่จะเป็นช่วงเดือนมกราคม อากาศจะหนาวกว่าตอนประกวดนางสาวสันกำแพง ข้างหลังเวทีพอเดินประกวดนางสาวเชียงใหม่เสร็จก็จะมาผิงไฟกับเตาอั้งโล่เพราะว่าอากาศนาวมาก แต่ตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรหรอกเพระว่าชินแล้วและก็สนุกดีและตอนได้นางสาวสันกำแพง ก็มีคนประกวดประมาณ 20 คน และตอนนั้นก็คว้าตำแหน่งนางสาวสันกำแพงมาได้ค่ะ การประกวดก็จัดขึ้นที่โรงเรียนสันกำแพงและมีรองนางงามอีก 3 คน |
|
......จากนั้นก็มาประกวดนางสาวเชียงใหม่ ตอนนั้นสถานที่คือสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ก็เดินประกวดตั้ง 3 ครั้งใน 3 วันค่ะ เท่าที่ป้าจำได้นะ แต่คนเข้าประกวดก็เยอะนะมีคนเข้าประกวดตั้ง 30 กว่าคนมั้ง แต่เราก็สมัครประกวดนางสาวถิ่นไทยงามด้วย แต่ถิ่นไทยงามตัดสินก่อน 1 วัน ด้วยเหตุที่คุณนวลอนงค์เป็นนางงามที่มีตำแหน่งการันตีและส่งเข้าประกวดโดยร้าน พรหมชนะที่มีการเตรียมตัวเป็นอย่างดีจึงทำให้เธอเป็นที่คาดหมาย ว่าจะครองตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ ป้าก็มั่นใจนะว่าตัวเองจะได้เพราะหนังสือพิมพ์ก็ลงเชียรให้อยู่แล้วผู้ว่าก็บอกว่าขอให้เป็นนางสาวเชียงใหม่เท่านั้น ป้าก็รู้แล้วล่ะและคนดูก็เชียร์เยอะได้ลูกโปร่งเยอะแยะเลย ส่วนเวทีบรรยากาศปีนั้นก็ใหญ่นะคนก็เยอะแล้วพอได้รับตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ปุ๊บก็รู้สึกดีใจ แล้วก็ไปอยู่ทีร้านพรมชนะที่ร้านก็สนุกดีที่ร้านก็มีนางงามเยอะเลยมีคนมาดูกันเยอะ |
![]() |
.....และรางวัลที่ได้จากกากรประกวดสมัยของนางงามสันกำแพงก็จะมีขันเงินหนักมากค่ะและมีเงินรางวัลอีก 5,000 บาท หลังจากนั้นป้าไม่ได้เข้าประกวดนางสาวไทยต่อ ก็เพราะเขาหยุดการประกวดพอดีค่ะ ส่วนภารกิจที่ทำตอนนั้นที่เป็นนางสาวเชียงใหม่ก็คือ เขี่ยฟุตบอลและก็งานการกุศลต่าง ๆ ที่ผู้ว่าเชิญก็ไปและตอนนั้นพอเป็นนางงามก็เป็นที่รู้จัก ของทุกคน คุณสุเทพ เขายังไปแต่งเพลงให้ป้าเลย เพลงพี่ขอรักเธอคนเดียวอะไรประมาณนี้เนื้อเพลงก็ประมาณ นวลอนงค์อ่าองค์โสภาป้าก็จำไม่ได้แล้วละ (ยิ้ม) "ชีวิตหลังประกวดนางงามคุณนวลอนงค์ได้ประจำอยู่ที่ร้านพรหมชนะสันกำแพงภายใต้การดูแลของคุณสุมิตรา พรหมชนะจนกระทั่งสมรสกับนายแพทย์ จรัล ไชยศิริ ชีวิตปัจจุบันป้าย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ค่ะ ก็รับหน้าที่เป็นแม่บ้านและก็ดูแลหลานบ้างป้ามีลูก 3 คน คนโตเป็นผู้หญิง ทำงานอยู่การบินไทยและคนที่สองเป็นผู้ชายทำงานแล้ว มีลูก 1 คน ส่วนคนที่สามเป็นผู้หญิง ทำงานเป็นแอร์โฮสเตสมีลูก 2 คน สามีเค้าก็เป็นนักธุรกิจ ส่วนสามีคุณป้าเองปัจจุบันก็เป็นหมออยู่ศิริราชอายุ 72 ปี แล้วค่ะ ทุกวันนี้บางคนก็จำได้นะว่าเป็นนางสาวเชียงใหม่ ยิ่งถ้ากลับมาอยู่ที่บ้านที่เชียงใหม่นี่ก็มีส่วนมากก็จะมีคนจำกันได้ แต่ที่กรุงเทพฯก็ไม่ค่อยเท่าไหร่นัก ...และในฐานะที่ป้าเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ การประกวดในครั้งนี้ทำให้ป้ามีชีวิตที่ดีขึ้นและก็ทำให้ป้ามีความกล้ามากขึ้นจากเมื่อก่อน ที่ป้าไม่ค่อยมีความกล้าสักเท่าไหร่ทำให้มั่นใจมากขึ้นค่ะ |