ห้วงปลายปี 2496 ลมหนาวพัดพาความเยือกเย็นมาสู่ประเทศไทยมากกว่าปีก่อน ๆ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ถึงอย่างไรงานรื่นเริงฤดูหนาวประจำปียังดำเนินไปดังเดิมเช่นทุกปี
ในส่วนของงานการประกวดนางสาวเชียงใหม่และนางสาวถิ่นไทยงามได้มีสาวงามเข้าร่วมประกวดชิงตำแหน่งมากมายส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นนางงามที่มีตำแหน่งพ่วงท้ายมาแล้วทั้งสิ้น
อาทิเช่น พวงทอง ว่องไว นางสาวสารภี เครือแก้ว อุดมศรี นางงามสันกำแพง ประทุมพร สมเกตุ รองนางสาวสารภีเป็นต้นทางด้านเวทีการประกวดสาวงามในปีนี้ได้จัดอย่างสวยงาม
มีวงดนตรีจากธนาคารออมสินเชียงใหม่ขับกล่อมบรรเลงตลอดงานประกวดระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2496 – 6 มกราคม 2497 และในวันสุดท้ายของงานฤดูหนาวเชียงใหม่เป็นวันตัดสิน
การประกวดนางสาวถิ่นไทยงามซึ่งสาวงามผู้ครอบตำแหน่งได้แก่ นางสาวพรรณี ภักดี สาวงามจากลำพูนผู้กลายมาเป็นนางสาวไทย 2497 ในนามสุชีรา ศรีสมบูรณ์ จากการประกวดที่
กรุงเทพมหานครในงานฉลองรัฐธรรมนูญปลายปีเดียวกัน 

      ก่อนการตัดสินนางสาวถิ่นไทยงามเพียง 1 วัน การประกวดนางสาวเชียงใหม่ได้ดำเนินมาถึงการประกวดในรอบชิงชนะเลิศเหล่าสาวงาม
ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายต่างนวยนาดมาในชุดอาบน้ำ การประกวดดำเนินไปจนใกล้เที่ยงคืน คณะกรรมการได้ประกาศผลการประกวดสุดยอดพธู
แห่งเวียงพิงค์ประจำปี 2497 ได้แก่หมายเลย 13 นางสาวประทุมพร สมเกตุ สาวงามจากสารภีได้เป็นนางสาวเชียงใหม่พร้อมรองอีก 4 คนได้แก่ 
หมายเลข 3 นางสาวศรีพรรณ วรรณจิต หมายเลข 7 นางสาวเครือแก้ว อุดมศรี หมายเลข 18 นางสาวส่องแสง สุภา และหมายเลข 1 นางสาว
ประมวล รัตนนิกาศ ประทุมพร สมเกตุ สาวงามจากอำเภอสารภี ขณะรับตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่เธอมีอายุ 17 ปี เป็นบุตรีของนายปาและ
นางเตียมตา สมเกตุ ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาถึง 52 ปี คุณประทุมพรในวัย 69 ยังคงความงามและยังพำนักอยู่ที่
บ้านเกิดของเธอที่สารภีกับลูกสาวและลูกเขยรวมถึงหลานสาวผู้น่ารักอีก 2 คน“ ที่ได้มาประกวดก็เพราะร้านลดาวัลย์เป็นร้านเสริมสวยแถวบ้าน
ได้ทาบทามให้เข้าประกวดค่ะ โดยมีแขวงทางการที่ 2 เป็นผู้ส่งนะค่ะ ก็เลยไปเก็บตัวที่นั่น สมัยโน้นเก็บตัวไม่นานค่ะก็เป็นสาวงามตามธรรมชาติ
ิ...ปีนั้นเป็นปีสุดท้ายที่จัดประกวดในโรงเรียนยุพราชค่ะ จำได้ว่าเป็นเวทีกลางแจ้งและเป็นปีที่หนาวที่สุดค่ะ ต้องอาศัยเตาอั้งโล่ผิงอยู่หลังเวที (หัวเราะ) ” 

       แม้ว่าการประกวดนางสาวเชียงใหม่ในครั้งนั้นจะสร้างความตื่นเต้นให้กับเธอไม่น้อยแต่คุณประทุมพรก็พกความมั่นใจมาพอสมควรเนื่องจากเธอเป็นนางงามที่มีดีกรีพ่วงท้าย“ 
ก่อนหน้าประกวดเป็นรองนางสาวสารภีมาก่อนค่ะ ปีคุณพวงทอง ว่องไวเป็นนางสาวสารภี พอมาประกวดนางสาวเชียงใหม่ก็คงจะเป็นตัวเก็งนะค่ะ ไม่เดินรอบแรกก็มีคนมารุมถ่ายรูป
และมีเสียงเชียร์เยอะมาก ”และในที่สุดเธอก็ได้เป็นนางสาวเชียงใหม่ประจำปี 2497 ตามความคาดหมายของใครหลายคน 

 “ ตัวเองไม่มั่นใจเลยไม่คิดว่าจะได้ตอนเขาประกาศผลยังไม่รู้สึกตัวเลยได้แต่นั่งอยู่หลังเวทีมันหนาวนะค่ะ(หัวเราะ) ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเขาประกาศชื่อเรา สำหรับรางวัลตอนนั้นได้เงินสี่พันบาท 
จักรเย็บผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง จักรยาน เข็มขัดนาคอีก 1 เส้นด้วยค่ะ หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นก็มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ที่บ้านพักแขวงการทางที่เป็นที่พักในตัวเมืองเชียงใหม่ตอนนั้นค่ะช่วงนั้น
แค่อายุ 17 ปี ก็ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านพ่อแม่ทำนาค่ะ ได้เงินรางวัลมาก็ยกให้พ่อแม่หมดสมัยก่อนไม่ได้ไปที่ไหนเป็นนางงามได้ไม่กี่เดือนก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติที่บ้าน ” 

      และตามธรรมเนียมของนางสาวเชียงใหม่ในยุคที่ 2 นี้ที่มักจะเข้าประกวดนางสาวไทยในช่วงปลายปีเดียวกันรวมทั้งคุณประทุมพร
ก็เช่นกันไปประกวดนางสาวไทยได้เข้ารอบ 15 คนค่ะ ปีคุณสุชีรา ศรีสมบูรณ์ ทางผู้ว่าราชการเชียงใหม่คือคุณประเสริฐ ส่งไปประกวด
เดินทางโดยเครื่องบินกับคุณนายผู้ว่าคุณละไม กาญจนรุณ ครั้งแรกที่ได้ไปกรุงเทพก็ตื่นเต้นหลังจากนั้นก็ได้ไปอยู่กรุงเทพไปเรียนทำผม
ตัดผ้าแล้วกลับมาแต่งงานตอนอายุ 28 ปี ที่เชียงใหม่ค่ะ มีบุตรสาวคนเดียวคือ ประทุมทิพย์ รับราชการ มีหลานสาวสองคนตอนนี้ก็อยู่บ้าน
ทำกับข้าว เลี้ยงหลาน หลานน่ารักมาก (ยิ้ม) คนนึ่งย่าง 11 คนนึ่ง 6 ขวบสำหรับสุขภาพก่อนหน้านี้กระดูกสันหลังหักหกล้มเมื่อปี 2513 
เลยหลังไม่ค่อยดีค่ะแล้วก็เป็นโรคไต เอาไตออกไปข้างค่ะแม้ว่าชีวิตในช่วงบั้นปลายคุณประทุมพรเลือกที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายกับครอบครัว
แต่ก็เป็นชีวิตที่เปี่ยมสุขเพราะเธอมีหลานน่ารักที่เป็นแก้วตาดวงใจให้เธอได้ชื่นชมและยังคงภาคภูมิใจกับ ตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่
่ที่ยังคงอยู่กับเธอตลอดไป